ตั้งแต่เข้ายุคโรคระบาดอย่างโควิด การทำงานที่บ้านก็กลายเป็นเรื่องปรกติของคนทำงานหลาย ๆ คน และทำให้หลายชีวิตเริ่มเห็นเคยชินกับการทำงานที่บ้านกันมากขึ้น จนกระทั่งหลายประเทศเริ่มคลายล็อกดาวน์และสามารถกลับไปทำงานที่ออฟฟิศได้ แต่ก็มีคนบางทำงานบางส่วนเริ่มมองเห็นว่า การทำงานที่บ้านสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายได้เยอะ เลยเรียกร้องขอทำงานที่บ้านต่อไป
แต่การทำงานที่บ้านในบางอาชีพก็เกิดข้อเสียไปพร้อมกับความรู้สึกอึดอัดเหมือนกัน เพราะบางอาชีพจำเป็นต้องอาศัยความโปร่งใสและตรวจสอบได้อยู่ตลอดเวลา อย่างเช่น อาชีพที่เกี่ยวข้องกับการเงินและการลงทุน ที่ถูกจับตาเวลาในการทำงานและการใช้โปรแกรมเข้าออกบนหน้าจออยู่ตลอด
ในบทความของ BBC หัวข้อ The employee surveillance that fuels worker distrust โจชัวหนึ่งในพนักงานที่ทำงานเกี่ยวกับด้านการเงินในสหรัฐอเมริกาได้แชร์ประสบการณ์แบบ Remote Work ไว้ว่า การทำงานของเขาถูกตรวจสอบด้วยเครื่องติดตามจากซอฟท์แวร์ชนิดหนึ่งที่ขอเรียกว่า “Bossware” เป็นซอฟท์แวร์ที่คอยดูว่าในเวลาการทำงาน เราทำงานอะไรอยู่และมีแนวโน้มที่จะเกิดผลดีหรือผลเสียอะไรไหมอยู่ตลอดเวลา
แต่เห็นผลของการทำเช่นนี้ ก็มาจากการต้องทำงานจากที่บ้านหรือจากที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกใช้กับธุรกิจที่จำเป็นต้องอาศัยความโปร่งใสในการทำงานเป็นอย่างมาก แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการทำงานร่วมกันแบบนี้ มันยิ่งถ่างความไว้เนื้อเชื่อใจ และความสบายใจออกจากพนักงานมากขึ้นหรือเปล่า
เคธ หนึ่งในพนักงานที่ถูกระบบซอฟท์แวร์ติดตามได้บอกความรู้สึกว่า มันทำให้เธอกังวลและเครียดมากกว่าเดิม และมันยังส่งผลต่อช่วงพักเบรกของเธอด้วยว่าตอนเธอเบรกนั้น โปรแกรมบ้านี่ยังคงจับตาหรือจะคอยส่งรายงานอะไรไปให้ทางบริษัทไหม
ซึ่งเราไม่แปลกใจเลยว่าสถานการณ์แบบนี้ ทำให้การสำรวจคนทำงานชาวอเมริกันกว่า 2,000 คน จะรู้สึกอึดอัดและเครียดได้กมากถึง 59% จากกลุ่มตัวอย่างหลังได้รับการจับตามเป็นพิเศษจากการ Remote Work
Brian Kropp, Gartner’s group vice-president and chief of HR research ได้แสดงความคิดเห็นต่อระบบการใช้ซอฟท์แวร์มาติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างน่าสนใจว่า การนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ควรนำมาใช้ในทางที่เหมาะสม
เพราะการไปจับจ้องการทำงานตลอดเวลา แลดูจะเกิดผลเสียมากกว่า และอาจเป็นจุดที่ทำให้เราต้องเกิดการจ้างงานใหม่ หรือไม่ก็สูญเสียคนเก่ง ๆ (Talent) จากความอึดอัดในการทำงานไปได้ ที่สำคัญกระบวนการนี้เป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจ และยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัวต่อคนทำงานขึ้นมาอีก
ประเด็นที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เราได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า การทำงานจำเป็นต้องมีพื้นที่ให้แก่คนทำงานไม่อึดอัดจนเกินไป ยิ่งการใส่ความไว้เนื้อเชื่อใจลงไป ก็เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากในยุคที่เราต้องทำงานห่างไกลกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบ Remote หรือ Hybrid ก็ตาม
และต่อให้การทำงานทุกวันนี้ องค์กรของเราจะไม่ใช่อุตสาหกรรมการเงินที่ต้องใช้ Bossware แต่การเข้าไปจู้จี้จุกจิกและจับผิดมากเกินไปก็คงไม่ต่างกับซอฟท์แวร์ตัวนั้นก็ได้ ต้นทุนเรื่องของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและผลลัพธ์ของงานจึงสำคัญ ซึ่งการจะเกิดขึ้นได้นั้นก็ต้องอาศัยการสร้างจากฝั่งหัวหน้าและลูกทีมไปพร้อมกัน ไม่เช่นนั้นเราอาจกำลังเข้าสู่วัฒนธรรมแห่งความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันเข้าให้แล้ว
อ้างอิง

Podcaster : ออฟฟิศ 0.4
Writer : สิ่งที่เจ้านายไม่เคยบอก / เปิดเทอมใหญ่วัยทำงาน / เป็นคนที่ใช่ในงานที่ชอบ / นี่เงินเดือนหรือเงินทอน