การ “ลาออก” มันบอกอะไรกับเราบ้าง ?
ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ผมสังเกตเห็นว่าคนทำงานหลายคนที่รู้จัก ตัดสินใจลาออกจากงานกันยกใหญ่อย่างที่เรียกได้เต็มปากว่า “คิดไม่ถึง” ว่าจะตัดสินใจลาออก
คิดไม่ถึงแรก คือ ผมคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะลาออก
คิดไม่ถึงที่สอง คือ เขาลาออกโดยที่ยังไม่ได้งานใหม่
เรื่องพวกนี้กำลังบอกอะไรเรา?
ถ้าตั้งคำถามว่า “อะไรคือสาเหตุที่เราตัดสินใจออกจากงาน” ผมคิดว่าคำถามนี้ตอบได้หลากหลายมุม ทั้งเรื่องของ เวลา โอกาส และ ความก้าวหน้า
เวลา มักจะเป็นคำตอบแรก ๆ ที่นึกถึง
เพราะเรามักถูกงานดึงรั้งช่วงเวลาอื่นของชีวิตไปด้วย
โอกาส มักเป็นคำตอบที่สำคัญไม่แพ้กัน
การก้าวหน้า งานใหม่ ผลตอบแทน หรือปัจจัยต่างๆ
ย่อมพาให้เรากล้าเดินทางออกจากที่เก่าสู่ที่ใหม่
ความฝัน อาจจะเป็นคำตอบที่อยู่ในใจ
เพราะบางคนอาจจะไม่ได้ต้องการมีชีวิตแบบนี้
แต่ต้องการพาตัวเองไปสู่จุดที่ต้องการในอนาคต
แต่ไม่ว่าจะตอบแบบไหน ผมคิดว่าทุกอย่างนั้นมันอยู่ที่การตัดสินใจ เลือกเส้นทางชีวิตของตัวเอง (ของแต่ละคน) ที่เราล้วนมองและค้นพบแตกต่างกันออกไป
แต่อย่างไรก็ดี ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือ เราคงต้องตอบให้ได้ว่า สิ่งที่เรากำลังพยายามตอบคำถามเหล่านี้ มันใช่คำตอบที่แท้จริงจากใจของเราหรือเปล่า
ถ้าการตัดสินใจลาออกมันตอบโจทย์ที่ว่า
ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่เราจะตัดสินใจทำมัน
สิ่งที่สะท้อนกลับมาในมุมหนึ่งของการตัดสินใจลาออกของคนในปัจจุบัน คือ การทำงานในปัจจุบันตอบโจทย์อยู่ไหม นี่อาจจะเป็นสิ่งที่องค์กรทั้งหลายต้องตั้งคำถามต่อไป แน่นอนว่าย่อมมาจากวิกฤตและเหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงเวลานี้ แต่คำถามที่องค์กรมีก็ยังคงสามารถใช้คำถามเดิม ๆ ได้อยู่ดีว่า …
วิธีที่เราดูแลพนักงานเหมาะสมไหม
วิธีที่เราใช้ในการวัดผลตอบโจทย์หรือเปล่า
และวิถีที่องค์กรจะก้าวต่อไปในอนาคตเป็นอย่างไร
ที่บรรยายมาทั้งหมดนี้ ไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดขององค์กร แต่ผมมองว่าการมี “จริต” ร่วมกันระหว่างคนและองค์กร เป็นสิ่งที่สำคัญที่ต้องนึกถึงในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ และมันเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมกันทบทวนอีกครั้ง
บางครั้งการลาออกคือความใจดีกับตัวเอง
เป็นความคิดในมุมสุดท้ายที่ผมนึกขึ้นมาได้
สำหรับคนที่ไม่ไหวกับการทำงาน ก็อย่าได้ต่อว่าตัวเองว่าไม่รับผิดชอบเลย ส่วนคนที่ก้าวต่อไปข้างหน้า ก็อย่าได้รู้สึกผิดที่ทิ้งเพื่อนๆร่วมงานไว้ข้างหลัง เพราะเราต่างมีทางเลือกเป็นของตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องเกรงใจสิ่งที่คนอื่นมองเรา ขอเพียงแต่พยายามใจดีกับตัวเองให้มาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือการใช้ชีวิต
เพราะสิ่งที่เราลาออกไม่ได้แน่ ๆ คือ ตัวของเราที่เดินทางมาถึงทุกวันนี้
และมีสิ่งอื่นที่กำหนดชีวิตเรา … นอกจากงานที่เราทำ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ 🙂

พรี่หนอม หรือ แท็กซ์-บัก-หนอม เจ้าของ บล็อกภาษีข้างถนน ผู้สนใจทำให้การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่มักแอบคิดเสมอว่าชีวิตเราควรมีอะไรมากกว่าการทำงาน จึงเป็นที่มาของบทความในออฟฟิศ 0.4 กับคอลัมน์ชื่อ “สิ่งที่คนทำงานไม่เคยบอก”