ทุกครั้งที่มีเรื่องให้หนักอกหนักใจต่อการทำงาน พบว่าช่วงเวลานั้นได้มอบบทเรียนให้มากมาย ในยามที่ความทุกข์ก่อตัวขึ้นในจิตใจ สัญชาตญาณของเราจะพาเราไปหาคนที่ให้ความสำคัญกับเรามากที่สุด
บุคคลเหล่านั้นคือคนรัก คนสนิท หรือสมาชิกในครอบครัว ซึ่งเป็นบุคคลที่เราใช้เวลากับพวกเขาน้อยมาก หากเทียบกับสัดส่วนระหว่างความสัมพันธ์กับการทำงาน แต่เราหนีโลกแห่งความเป็นจริงไปไม่ได้หรอก เมื่อเราหายจากอาการป่วยไข้ เราย่อมกลับไปใช้ชีวิตในวังวนแบบนั้นเช่นเดิม ยกเว้น เราจะก้าวออกมาจากวังวนเหล่านั้น แล้วหาเส้นทางใหม่
ช่วงเวลานั้นผมพบว่า คำพูดให้กำลังใจ คือยาวิเศษ ที่เขียนให้ความหมายไปเช่นนั้นเพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ อาจเพราะพื้นฐานผมมักไม่ค่อยมีความทุกข์ หรือยึดติดกับปัญหากับตัวเองมากมาย
แต่พอโตขึ้น ทั้งหน้าที่การทำงานที่เติบโตไปพร้อมกับการคาดหวัง ทำให้เกิดแรงกดดันจากผู้อื่นและตัวเองเพิ่มขึ้นมา คำพูดที่ให้กำลังใจจากบุคคลรอบข้างค่อยๆ เยียวยาจนผมดีขึ้นๆ ถึงแม้ว่าจะมีความเครียดหลงเหลืออยู่ในความรู้สึกบ้าง แต่ก็เป็นความรู้สึกที่ดีกว่าเดิมขึ้นเยอะ
มีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งชื่อ ดอกเตอร์ อีโมโต้ เขาได้ทำการทดลองจนได้รับความสนใจไปทั่วโลก จากการนำขวดน้ำพลาสติกใสสองขวดมาตั้งไว้ ขวดแรกเขาให้คนเขียนคำว่า ‘ความรัก’ และนำมาแปะไว้ที่ขวด ขวดที่สองเขาให้คนเขียนคำว่า ‘เกลียดชัง’ และนำข้อความนั้นมาแปะไว้ที่ขวดเช่นกัน
จากนั้นเขาเฝ้าดูความแตกต่างระหว่างขวดน้ำสองขวดนี้ด้วยกล้องจุลทรรศน์ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของผลึกในน้ำ เป็นที่น่าสนใจมากครับว่า ผลึกในน้ำที่ถูกเขียนคำว่าความรักแสดงผลึกที่สวยงามมาก ตรงกันข้ามกับผลึกน้ำในขวดที่เขียนคำว่าเกลียดชังที่มีความขุ่นมัว และไม่สวยเอาเสียเลย
จากการทดลองนี้มีความเชื่อโยงต่อสุขภาพกายและจิตใจของมนุษย์ เพราะว่าในร่างกายมนุษย์กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ประกอบไปด้วยน้ำ เราจึงตั้งสมมติฐานว่า หากเป็นเช่นนั้นการได้รับคำที่ดี ข้อคิดที่ดี หรือข้อความที่ดีย่อมน่าจะส่งผลต่อความรู้สึกภายในชีวิตของเราด้วย คล้ายกับผลึกที่สวยงามในขวดน้ำนั่นแหละ
อีกเรื่องหนึ่งเป็นข้อคิดสั้นๆ ที่ยังคงอยู่ในความคิดของผมเสมอ จากคุณต่อ ธนญชัย ศรศรีวิชัย เขาเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อเรื่องคุณค่าของชีวิต
คุณต่อเล่าว่า ถ้าคุณเห็นขี้กองหนึ่งบนพื้นซีเมนต์ ขี้กองนั้นก็เป็นเพียงแค่ขี้กองหนึ่งที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ในทางกลับกับถ้าขี้กองนั้นอยู่บนสนามหญ้า หรือโคนต้นไม้ มันมีคุณค่ามากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้น การนำพาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด จะช่วยทำให้ศักยภาพที่เรามีปรากฏออกมามากขึ้นไม่มากก็น้อย
สิ่งที่เขียนมาทั้งหมด ผมเชื่อว่ามันเป็นห้วงเวลาของบทเรียนที่ กลอมเกลาจากความทุกข์ส่วนหนึ่ง และความหวังส่วนหนึ่ง ที่ต้องช่วยประคับประคองชีวิตกันไปในวันที่เราทุกข์หรือท้อแท้จากความเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดที่ว่า ยังไม่เจ็บปวดเท่าการที่เราไม่เห็นอนาคตที่เราควรจะได้เห็นและได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง
อย่าลืมติดตาม PODCAST ออฟฟิศ 0.4
SPOTIFY : https://spoti.fi/38KKW19
APPLE : https://apple.co/2TXdzUr
SOUNDCLOUND : http://bit.ly/OFFICE04TH-SC
YOUTUBE : http://bit.ly/OFFiCE04TH-YT
PODBEAN : https://office04th.podbean.com/

Podcaster : ออฟฟิศ 0.4
Writer : สิ่งที่เจ้านายไม่เคยบอก / เปิดเทอมใหญ่วัยทำงาน / เป็นคนที่ใช่ในงานที่ชอบ / นี่เงินเดือนหรือเงินทอน