การทำอะไรเต็มที่เป็นเรื่องที่ดี
แต่อย่าลืมว่า “เต็มที่” ของแต่ละคนนั้น
… มันมีความหมายไม่เหมือนกัน
ถ้าอยากทำอะไร ให้ทำ 100% ไปเลย
ช่วงนี้ผมได้ยินแนวคิดแบบนี้บ่อย ๆ
ถ้าจะทำนู่นนั่นนี่ก็ต้องทำให้เต็มที่
คิดจะทำอะไรก็ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ประเด็นสำคัญที่เราต้องถามตัวเอง คือ
คำว่า เต็มที่ ของเรานั้นมันเป็นแบบไหน
ลองยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น
สมมติว่า นาย ก อยากจะเลิกกินน้ำอัดลม
การเลิกกินไปตลอดชีวิตก็เป็นเรื่องที่ควรทำ
เพราะมันน่าจะง่ายกว่าๆ ลดๆ เลิกๆ แล้วกลับมากินอีก
แต่ประเด็นความสำคัญนี้จะอยู่ที่ว่า
เหตุผลของนาย ก ที่จะเลิกน้ำอัดลม คืออะไร
ถ้าเหตุผลของ นาย ก มันแข็งแรงพอ
หรือมันเป็นการเปลี่ยนชีวิตเขาไปเลยก็เป็นเรื่องดี
การเลิก 100% แบบนี้คือคำตอบที่เขาควรทำ
แต่ถ้า นาย ก รู้ตัวว่า
จริง ๆแล้ว ไม่ได้ต้องการเลิกกินน้ำอัดลมหรอก
เพียงแค่อยากจะลดการกินไปสัก 80% ก็พอ
การทำเต็มที่ของนาย ก อาจจะเป็น
อนุญาตให้ตัวเองกินน้ำอัดลมได้ 1 กระป๋อง/อาทิตย์
ถ้าเลือกทางหลัง
มันดูเหมือนว่านาย ก จะทำไม่เต็มที่ใช่ไหม?
แต่คำถามที่ถามต่อ คือ
การเลือกทางไหนทำให้นาย ก มีความสุขมากกว่า
การทำเต็มที่ มีผลกับความสุขของชีวิตเรา
โดยความสุขที่ว่าควรแบ่งออกเป็น 2 มุม
1) ความสุขจากการทำได้
2) ความสุขจากการได้ทำ
การทำอะไร 100% ของเรานั้น
มันอาจจะเป็นเพียง 80% ของคนอื่นก็ได้
หากเราต้องเป็น 100% ในสิ่งที่เราไม่ได้จะเป็น
แล้วมันกลายเป็นมองเห็นความสุขน้อยกว่าเดิม
เราอาจจะต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่า
คำว่าเต็มที่ของเรานั้นมันคืออะไร
และวันนี้เราทำเต็มที่ในมุมของใครอยู่
คำตอบที่เราได้รับ
อาจจะทำให้เรารู้จักตัวเองได้อย่างเต็มที่
และบอกตัวเองได้ว่า
เรามีความสุขได้อย่างเต็มปาก

พรี่หนอม หรือ แท็กซ์-บัก-หนอม เจ้าของ บล็อกภาษีข้างถนน ผู้สนใจทำให้การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่มักแอบคิดเสมอว่าชีวิตเราควรมีอะไรมากกว่าการทำงาน จึงเป็นที่มาของบทความในออฟฟิศ 0.4 กับคอลัมน์ชื่อ “สิ่งที่คนทำงานไม่เคยบอก”