เรากำลังอยู่ในยุคแสวงหาที่ไม่ได้แตกต่างจากยุคล่าอาณานิคม
หากการล่าอาณานิคมคือการยึดประเทศครองแผ่นดิน
ยุคนี้คงเป็นการตามหาความสำเร็จ ชื่อเสียงและทรัพย์สินเงินทอง
บนแผงหนังสือเต็มไปด้วยเนื้อหาทางการลงทุนมากมาย ซึ่งเป็นผลสะท้อนให้เราเห็นว่าตอนนี้มนุษย์กำลังแสวงหาอะไรเป็นพิเศษ
ผมไม่ได้ต่อต้านการแสวงหาความร่ำรวยหรือความสุขจากทรัพย์สิน แต่สิ่งที่เราควรคำนึงคือ เราควรแสวงหาอย่างไรจึงจะพอดีมีสุข
แต่สิ่งที่ผมพบเห็นจากคนรอบข้างที่ใช้การแสวงหาเป็นแรงขับเคลื่อนในการทำงานเพื่อสร้างรายได้นั้น มันได้กลายเป็นความทุกข์ที่กัดกินอารมณ์ของความสุขไปจนถึงขั้นต้องดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด
เมื่อมนุษย์ต้องการอยู่รอด สัญชาตญาณการเอาตัวรอดจะสั่งให้มนุษย์ทำทุกวิถีทาง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมการโกงจึงเกิดขึ้น การคอรัปชั่นจึงเติบโต มันจะยิ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าไปอีก หากเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นเพียงเพราะเราต้องการสร้างอาณานิคมในฝันให้เกิดขึ้นจริง
ณ สวนโมกข์ กรุงเทพฯ ธนญชัย ศรศรีวิชัย ผู้กำกับโฆษณาไทยชื่อดังถูกรับเชิญให้มาแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับชีวิต การทำงาน และอีกหลายๆ เรื่อง
มีประเด็นคำถามที่น่าสนใจจากผู้ร่วมฟังรายหนึ่ง
เขาตั้งคำถามว่า “ถ้าเราทำความดี แล้วเราจะได้อะไร…”
ภายในงาน บรรยากาศเงียบทันทีหลังจากสิ้นสุดคำถามจากผู้ฟังรายนั้น
ธนญชัยถือไมโครโฟนและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาได้ให้คำตอบที่น่าสนใจไม่แพ้คำถามเลย
“ถ้าเราทำความดี เราจะไม่กลัวอะไร
ผมพูดได้ว่าผมไม่โกง ผมไม่โกหก
มันทำให้ผมมีความสุขมากในใจ
แต่ถ้าคุณโกง คุณอาจพูดได้ว่าสุจริต
แต่คุณไม่มีวันนอนหลับหรอก”
แม้คำตอบของธนญชัยจะเป็นคำตอบที่แลฟังดูมีชั้นเชิงอย่างมีศิลปะ แต่เมื่อนำคำตอบมาพิจารณาดูแล้ว ก็น่าสนใจไม่น้อยว่า คนที่กอบโกยโดยปราศจากความบริสุทธิ์ใจ จะอยู่กับความรู้สึกเหล่านั้นได้อย่างไร
ไม่นานก็มีผู้ฟังยกมือถามคำถามธนญชัยอีก
“อยากทราบว่าช่วงแรกที่พี่ต่อไม่มีพาวเวอร์ในการทำงาน…พี่ต่อทำอย่างไรให้งานโฆษณาแนวเพื่อสังคมมันเกิดขึ้นครับ”
นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะผมเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ที่กำลังก่อร่างสร้างอาณานิคมในฝันก็อยากรู้คำตอบของผู้กำกับไทยที่เคยขึ้นไปครองอันดับหนึ่งของโลกมาแล้ว
“ตอนนั้นผมอายุราวๆ 26 ปี ผมทำงานโดยไม่สนใจเงินเดือนสักเท่าไหร่ แต่สนว่างานที่ทำออกไปจะดีหรือไม่ และงานที่ทำออกไปมันต้องสร้างอะไรบางอย่างให้กับสังคม
จุดเปลี่ยนของผมคือการทำโฆษณาตัวหนึ่งที่เล่าถึงเด็กเลี้ยงปลาทองจนสร้างรายได้ให้กับตัวเองอย่างมหาศาล กระทั่งวันหนึ่งโฆษณาตัวนี้ไปจุดประกายไฟให้เด็กคนหนึ่งเลี้ยงปลาขายจนสร้างรายได้และนำไปให้แม่ ซึ่งเด็กคนนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากโฆษณาชุดปลาทองตัวที่ผมทำ
นี่คือผลลัพธ์ของโฆษณาที่ผมยึดมั่นว่าจะต้องทำให้สังคมมันดีและเติบโตขึ้นด้วย”
ปัจจุบันธนญชัยมีอาณานิคมในฝันที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง จากการทำงานอย่างหนักหน่วงมาตลอดหลายสิบปีในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา
อาณานิคมของเขาไม่ใช่คอนโดหรือรีสอร์ทอันหรูหรา แต่เป็นพื้นที่สีเขียวกว่า 80 ไร่ ณ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เขาตั้งใจให้พื้นที่แห่งนี้เป็นป่าที่มีระบบนิเวศน์อันสมบูรณ์ เพื่อมอบลมหายใจให้แก่ลูกหลานไทยในวันข้างหน้า
อาณานิคมในฝันของธนญชัยไม่ได้จบที่อำเภอแม่แตง แต่ยังลุกลามมาสู่เมืองหลวง
เขาตัดสินใจลงทุนซื้อพื้นที่ย่านอ่อนนุชในราคากว่าร้อยล้านบาท เพื่อสร้างปอดกลางกรุงให้คนเมืองโดยเฉพาะ
เพราะเขามองว่าธรรมชาติคือสถาปัตยกรรมที่งดงามและมีความสมดุลที่สุด
ยังมีคำถามจากผู้ฟังจำนวนหนึ่งที่อยากรู้ถึงความสำเร็จในหน้าที่การทำงานของธนญชัย โดยเฉพาะความสามารถในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับระดับโลก
ทุกครั้งที่ธนญชัยได้รับคำถามจากผู้ฟัง เขาจะใช้เวลาเล็กน้อยเหมือนกำลังพินิจพิเคราะห์ เพื่อให้คุ้มค่าแก่ผู้ฟังทุกคน จนกระทั่งเสียงของเขาก่อตัวเป็นคำตอบออกมาว่า
“โอกาสประสบความสำเร็จในการทำงาน คุณต้องมีของก่อน แต่คนส่วนมากมักคิดว่าต้องเรียนๆ แล้วค่อยมีของ ตัวผมเองจบอุตสาหกรรมการออกแบบ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับภาพยนตร์เลย แถมผมไม่ได้จบเมืองนอกด้วย ซึ่งถ้าผมจบจริงๆ ผมอาจไม่มีวันนี้ก็ได้ ความสำเร็จต้องเริ่มจาก ความรัก ความอยากก่อน หรือเรียกว่า Passion เมื่อเรามีสิ่งเหล่านั้น…ทุกอย่างมันจะมาเอง”
การสร้างอาณานิคมในฝันให้เกิดขึ้นจริงนั้นเป็นเรื่องยาก แต่เรื่องที่ยากยิ่งกว่าคือ เราจะสร้างมันอย่างไรให้น่าภาคภูมิใจ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วย
ดังนั้น อาณานิคมไม่ใช่แค่การล่าเพื่อสร้างเหมือนในอดีตที่ผ่านมา หากแต่เป็นการสร้างเพื่อมอบความสุขให้แก่สังคมรอบข้างให้เติบโตขึ้นต่อไป
ดั่งเช่น ธนญชัย ศรศรีวิชัย ที่ได้สร้างลมหายใจกลางกรุง เพื่อคนรุ่นต่อไปในอนาคต…
หมายเหตุ: บทความนี้อยู่ในหนังสือ สิ่งที่เจ้านายไม่เคยบอก

Podcaster : ออฟฟิศ 0.4
Writer : สิ่งที่เจ้านายไม่เคยบอก / เปิดเทอมใหญ่วัยทำงาน / เป็นคนที่ใช่ในงานที่ชอบ / นี่เงินเดือนหรือเงินทอน