เรื่องแรงจูงใจ (Motivation) นั้นเป็นคำสำคัญที่เราคุ้นหูกันมาโดยตลอดในโลกของการทำงาน
นั่นเพราะคำคำนี้แหละที่จะผลักดันให้เราตื่นขึ้นมาทุกเช้าเพื่อเป้าหมายอะไรสักอย่าง
แต่ด้วยกฎของธรรมชาติ อะไรที่มากจนเกินขอบเขตไปก็มักส่งผลร้ายต่อผลลัพธ์ได้ด้วยเหมือนกัน
แรงจูงใจก็เช่นกัน ที่มีความน่ากลัวซ่อนอยู่ จนสามารถก่อให้เกิดแรงจูงใจที่ผิดได้ในชีวิตเรา
เขียนแล้วก็นึกถึงหนังเรื่อง Lord of The Ring เลยครับ มีแรงจูงใจอยากไปทำลายแหวน
แต่พอได้ครอบครองแล้ว พลังอำนาจจากแรงจูงใจและอำนาจ ทำให้เราเดินทางผิดที่ผิดทางไปเสียหมด
การมีแรงจูงใจมากเกินไปจนกลายเป็นแรงจูงใจที่ผิด ก็มีประเภทของมันด้วยนะ
เดวิด แมคเคลแลนด์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ศึกษาเกี่ยวกับแรงจูงใจที่ผิดและค้นพบว่า อาชีพกับตำแหน่งงานของเราจะเปลี่ยนไปตามลักษณะแรงจูงใจ ซึ่งแมคเคลแลนด์แบ่งได้ออกเป็น 3 ประเภทคือ
1. แรงจูงใจในเป้าหมาย
2. แรงจูงใจในความสัมพันธ์
3. แรงจูงใจในอำนาจ
หากถามว่าแรงจูงใจข้อไหนที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนโดยรวมมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นแรงจูงใจในเป้าหมาย จากการวิเคราะห์ของ แมคเคลแลนด์ พบว่า การมีแรงจูงใจเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนทั่วไปอยู่แล้ว แต่ความน่ากลัวของมันอยู่ตรงที่ หากเรามีมากจนเกินไป คนกลุ่มนั้นจะกลัวความผิดหวัง และไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้เมื่อทำเป้าหมายไม่สำเร็จ
ดังนั้น มันจึงเป็นสารตั้งต้นให้พวกเขาคิดจะหาทางรักษาเป้าหมายเอาไว้ ด้วยการตัดสินใจทำผิดกฎหมาย เช่น การหลอกลวงเพื่อยอดรายได้บางอย่าง การตกแต่งทำบัญชีเพื่อให้ดูดีต่อผู้ถือหุ้น เป็นต้น
อย่างที่บอกไปว่ากฎของธรรมชาตินั่นน่าสนใจ หากเราฝ่าฝืนด้วยการมีมันมากไป
โดยเฉพาะเรื่องแรงจูงใจ มันอาจนำเราเข้าสู่โลกอันมืดมนและน่ากลัวจนออกมายากกว่าที่เราคิด
ที่มา: หนังสือ เก่งด้วยศาสตร์ ชนะขาดด้วยศิลป์

Podcaster : ออฟฟิศ 0.4
Writer : สิ่งที่เจ้านายไม่เคยบอก / เปิดเทอมใหญ่วัยทำงาน / เป็นคนที่ใช่ในงานที่ชอบ / นี่เงินเดือนหรือเงินทอน