ปัญหาที่ไม่คาดคิดสอนอะไรเราบ้าง

4 July 2022

บ่ายวันหนึ่ง ผมขับรถไปส่งแม่ที่มีนัดกับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยย่านบางขุนนนท์ เรียกได้ว่าความสัมพันธ์ยาวนานมาก ๆ เพราะปัจจุบันแม่อายุ 68 ปี แล้ว แต่ก็ยังแข็งแรงและสามารถไปเที่ยวกับพ้องเพื่อนและกินอาหารอร่อย ๆ ได้อยู่

ขณะขับรถไปส่งแม่ แม่ก็เล่าเรื่องราวสมัยเรียนมหาวิทยาลัยกับพ้องเพื่อนให้ฟัง รวมถึงการรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนจนยังคงติดต่อและพูดคุยกันมาจนถึงวันนี้ และทำให้แม่พบว่า ทรัพย์สินอีกอย่างที่เราควรมีก็คือ เรื่องความสัมพันธ์เนี่ยแหละ

ตอนแม่พูดเราก็แซวนิดหน่อยว่า แม่ไปแอบอ่านงานของนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมาหรือเปล่า ตอนนั้นผมเล่าให้แม่ฟังสั้น ๆ ไปว่า มีนักวิจัยคนหนึ่งชื่อ Robert Waldinger เขาใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตค้นหาปัจจัยที่ส่งผลต่อความสุขในชีวิตว่าอะไร ทำให้ชีวิตคนเรามีความสุข ซึ่งเขาพบว่า การมีความสัมพันธ์ที่ดีและมีคุณภาพ จะส่งผลอย่างยิ่งต่อการเกิดความสุขในชีวิตเรา และผมคิดว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภาพรวมแม่มีสิ่งเหล่านั้นอยู่รอบชีวิต

ผมก็ตั้งคำถามกับแม่อีกว่า จะมีไหมที่คนเราจะใช้ชีวิตส่วนตัว โดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ๆ หรือเรียกได้ว่าไม่ค่อยมีสังคมเลย เอาจริง ตอนนั้นเราเองก็คิดว่ามีแหละ แต่มันจะส่งผลอะไรบ้าง นอกจากความเหงาที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่คนมีสังคมน้อยเขาก็อาจจะแฮปปี้ในสิ่งที่เป็นก็ได้

ไม่นานนักผมก็ส่งแม่ถึงบ้านเพื่อน และผมก็ขับรถเลยไปสักระยะ เพื่อหาทางกลับรถ เนื่องจากซอยบ้านเพื่อนแม่เป็นซอยตัน ด้วยช่วงหน้าถนนที่แคบ ทำให้ผมต้องเลือกพื้นที่ที่มีระยะต่อการกลับรถ ซึ่งก็ไปเจอพื้นที่หญ้าเตียนเล็กๆ ผมจึงเลี้ยวขวาเพื่อจะตั้งลำรถในการกลับรถจากทางเดิมที่เข้ามา และเมื่อผมเข้าเกียร์ถอยหลัง ปรากฏว่าถอยไม่ไป ผมเร่งเครื่องครั้งแล้วครั้งเล่า จนดินโคลนกระเด็นขึ้นมาโดนกระจกรถ ใช่ครับ รถผมติดหล่ม

สภาพตอนนี้ รถผมขวางกลางซอย และล้อหน้าติดหล่มนอกเขตปูนบนบริเวณพื้นหญ้าที่แอบอมน้ำ โดยที่ก่อนกลับรถผมไม่ทันได้สังเกต ตอนนั้นรู้สึกถึงความตกใจพอสมควร เพราะนี่คือการตกหล่มครั้งแรกในชีวิต แถมรถดันขวางซอยอีกด้วย

ไม่ทันไรวินมอไซต์คันหนึ่งก็ขับตามมา พี่วินก็ใจดีจอดรถและลงมาช่วยดู ตามด้วยรถยนต์บีเอ็มคันหนึ่งที่กำลังขับมาและผ่านรถผมไปไม่ได้ พี่เขาจึงลงมาช่วยดูว่าจะเคลื่อนรถได้ยังไงบ้าง เขาหาแผ่นไม้มารองล้อรถไว้ข้างหนึ่ง และให้ผมเร่งเครื่องอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผล รถยังคงติดหล่มอยู่อย่างนั้น

ไม่นานก็มีรถแท็กซี่ผ่านมา ซึ่งก็ผ่านไปไม่ได้เพราะรถผมติดหล่มขวางอยู่ จากนั้นก็มีรถเจ้าหน้าที่สายตรวจผ่านมาพอดี ทั้งหมดจึงลงมาช่วยกันดูท่าทีว่าจะทำอย่างไรให้รถของผมพ้นจากการติดหล่มนี้ อุปกรณ์ที่จะเอามาหนุนล้อก็ไม่มี

เจ้าหน้าที่สายตรวจแนะนำให้ผมนำกระจกรถลดลงทั้ง 4 ข้าง ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อให้คนอื่น ๆ มาจับโครงรถแล้วช่วยกันดันรถผมไปข้างหลังให้พ้นจากหล่มโคลนนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่สายตรวจให้สัญญาณว่าจะดันไปพร้อมกับคนอื่น ๆ ผมก็เร่งเครื่องถอยหลังเพื่อให้เกิดเร่งส่ง

ในที่สุดรถก็พ้นการติดหล่มจนได้ !

ผมยกมือขอบคุณพี่ ๆ เหล่านั้นยกใหญ่ เรียกได้ว่าตกใจและตื่นเต้นเอามาก ๆ เพราะรถขวางลำขนาดนั้น ถ้าไม่รีบแก้ไขรถจะติดมากเอาแน่ ๆ

ผมรีบกลับรถไปทางเดิม ในขณะนั้นแม่กับเพื่อนแม่ก็ออกมาจากบ้าน เพื่อมาดูอาการรถติดหล่มของผมพอดี หลังจากที่ระหว่างแก้ไข ผมได้โทรหาแม่เพื่อเล่าถึงความโชคไม่ดีเล็กน้อย

ผมเปิดกระจกไปทักทายแม่อีกครั้ง ก่อนจะขับกลับบ้าน จากนั้นก็ค่อย ๆ ปิดกระจกขึ้น แล้วคำตอบในความคิดก็ปรากฏขึ้นมาในหัวโดยอัตโนมัติกับคำถามที่คุยกับแม่ก่อนลงจากรถว่า จะมีไหมถ้าเราใช้ชีวิตโดยไม่ยุ่งหรือเกี่ยวข้องกับคนอื่นเลย

เหมือนการติดหล่มครั้งแรกในชีวิตจะให้คำตอบบางอย่างกับผมเหมือนกันว่า การเกิดสิ่งที่เหนือความคาดหมายในชีวิต บางครั้งเราก็จัดการปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้เสมอไป และนั้นอาจทำให้เราเรียนรู้ที่จะมีชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นด้วยการมีความสัมพันธ์ที่ดีและมีคุณภาพต่อไปก็ได้นะ

ขอบคุณพี่ๆ ในวันนั้นที่ช่วยเหลือผมด้วยนะครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *