วัฒนธรรมการทำงานแบบยืดหยุ่นคืออนาคตขององค์กร

10 November 2021

สวัสดีชาวออฟฟิศ 0.4 ทุกคนครับ

ช่วงปลายปีแบบนี้หลายคนมีแผนที่จะมูฟออนกับหน้าที่การงานและชีวิตจากกรอบเดิมๆ กันอยู่พอสมควร และไม่ว่าจะเป็นสาเหตุอะไรก็ตามแต่ผมเชื่อว่า องค์ประกอบหลักของการตัดสินใจลาออกเพื่อพักหรือหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อให้ตัวเองเติบโตคงหนีไม่พ้นเรื่องของ Burnout กับ Low Mentality เป็นแน่แท้ ซึ่งเจ้าสององค์ประกอบหลักนี้ผมมักได้ยินเสียงบ่นและคร่ำครวญจากเพื่อนพ้องในวงการเดียวกันมาระยะใหญ่ๆ แล้ว

พอเขียนถึงประเด็นนี้ก็อยากจะแชร์วิธีแก้ไขปัญหามาเหมือนกัน บังเอิญไปอ่านบทความของ MATHILDE COLLIN ซึ่งเป็น CEO และ Co-Founder แห่ง Front ที่ได้มาแชร์เรื่องการทำงานในยุคโรคระบาดอย่าง Covid-19 ว่าคนทำงานแบบเราจะอยู่รอดได้อย่างไรจากาภาวะแย่ๆ เหล่านี้

MATHILDE COLLIN FRONT CEO

แน่นอนว่าก่อนหน้านี้เคยมีนโยบายการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์เป็นกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง แล้วก็เหมือนจะมีบริษัทบางประเทศเริ่มนำนโยบายนี้ไปใช้แล้วด้วย ซึ่งเราก็คงต้องติดตามผลลัพธ์ต่อไปว่าระยะยาวจะเป็นอย่างไร

แต่ทางคุณ MATHILDE COLLIN ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกับทางออกเรื่องนี้เหมือนกันว่า การปรับตารางทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์มันอาจไม่ใช่ทางออกที่แท้จริงสักเทาไหร่ และในมุมมองของเขามองว่าการแก้ไขปัญหาการทำงานในยุคโรคระบาดแบบนี้ ควรจะอยู่ที่คำว่า ‘Flexibility’ หรือ ‘ความยืดหยุ่น’ น่าจะเหมาะสมกว่า ซึ่งความยืดหยุ่นในทีนี้คุณ MATHILDE COLLIN อ้างอิงถึงบริบทที่เราต่างทำงานผ่านระบบคอมพิวเตอร์เสียส่วนใหญ่ โดยผมเองก็มองว่าอาจจะต้องดูความเหมาะสมในแต่ละอุตสาหกรรมด้วยแหละครับ

พอดูถึงเรื่องการใช้ระบบความยืดหยุ่นมาผสมกับการทำงานแล้ว ก็มีผลสำรวจจาก Gatner Survey มาเหมือนกัน กว่า 43% ในแบบสอบถามแสดงความเห็นโดยองค์รวมว่า ความยืดหยุ่นในการทำงานมันไม่ได้แค่ช่วยเรื่องโปรดักทีฟแง่มุมเดียว แต่มันเป็นการช่วยให้คนทำงานมีความสุขมากขึ้นด้วย! อื้ม! ประเด็นนี้น่าสนใจมากๆ

ซึ่งหากใครติดตามสถานการณ์ภาวะคนทำงานทั่วโลกจะพบว่าเกิด The Great Resignation กันเยอะมาก โดยคำที่สรุปได้ครอบคลุมที่สุดก็คือเรื่องการไม่มีความสุขจากการทำงานนั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นอย่างรายได้ สุขภาพ เวลา และความสัมพันธ์ที่พังทลายลงในยุคของโรคระบาดที่ยังมองไม่ออกเลยว่าจะจบลงที่ตรงไหน ซึ่งสำหรับคนที่เลือกเส้นทางของตัวเองได้ ก็คงมีโอกาสเลือกที่จะพัก หรือเลือกที่จะออกไปหาองค์กรที่มี Time Flex ที่เหมาะสมกว่าก็ได้

ส่วนของคุณ MATHILDE COLLIN ก็ได้มีการนำเรื่องความยืดหยุ่นในการทำงานไปทดลองใช้ที่ Front Company เหมือนกัน โดยตั้งวันไว้ว่า Flexible Fridays เป็นวันที่ทุกคนยังทำงานแต่อนุญาตให้ทุกคนทำในสิ่งที่อยากทำได้ ไม่มีการประชุม ตอบอีเมล์ และอื่นๆ ที่ทำในวันปกติ ซึ่งคุณ MATHILDE COLLIN มองว่านี่เป็นการสร้างวัฒนธรรมใหม่ให้กับสิ่งที่อาจกำลังขาดหายไป และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันคว้าตัวคนทำงานเจ๋งๆ เข้ามาสู่องค์กรด้วย

หากใครอ่านแล้วมีความเห็นอย่างไรก็แชร์ความคิดกันได้และฝากกดไลก์กดแชร์กับบทความนี้ด้วยนะครับ

อ้างอิง: https://www.fastcompany.com/90692138/pov-the-4-day-workweek-is-not-the-future-of-work-the-future-is-flexibility

อ้างอิงรูปภาพ: https://www.flickr.com/photos/collisionconf/47942347727/

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *