หนึ่งในคุณสมบัติของคนทำงานในยุคนี้ คือ การอดทนต่อความกดดันในการทำงาน เพราะงานที่เราทำอยู่นี้มันมีความกดดันหลายอย่าง ทั้งความต้องการของลูกค้า เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ระยะเวลาที่จำกัดตามระดับความด่วน ร่วมกับการกลัวตกขบวนในสิ่งที่ยังไม่รู้
ทำให้งานที่อยู่ในหลาย ๆ ตำแหน่ง
ต้องบรรจุคุณสมบัตินี้เข้าไปเป็นอีกข้อหนึ่ง
แต่คำถามที่เราลืมนึกถึงมันก็คือ
เราจำเป็นต้องกดดันในการทำงานขนาดนี้ไหม
ก่อนอื่นอยากให้เข้าใจก่อนว่า ความกดดันในการทำงานไม่ใช่สิ่งผิด และไม่ใช่ผู้ร้ายที่จะมาชวนคิดว่าไม่ควรมี เพียงแค่อยากย้อนให้นึกให้ดีกว่า มันจำเป็นต้องมากขนาดนี้จริง ๆ หรือเปล่า ก่อนที่เราจะตัดสินใจ “กดดัน” ใครสักคน
ไม่ว่าจะเป็น…
บรรยากาศในการทำงานร่วมกัน
ลองตั้งคำถามกลับว่าเรามีวิธีสื่อสารที่ดีกว่านี้ไหม
ความรุนแรงของถ้อยคำที่พูดออกไป
มันจำเป็นต้องทำลายกันเพื่อบอกว่าใครเหนือกว่าหรือเปล่า
คนที่ทำงานที่นี่ต้องแข็งแกร่งแค่ไหน
จนชินกับความคิดที่ว่าถ้าใครทนไม่ไหวก็ออกไป
หรือการที่ลูกค้าต้องได้อะไรทุกอย่างตามใจ
เพราะคนที่ถือเงินไว้นั่นแหละ อำนาจใหญ่ที่สุดแล้ว
ฯลฯ
ย้ำให้ชัดอีกทีว่าไม่ใช่สิ่งผิด ที่งานทุกชนิดจะต้องมีทั้ง “กด” และ “ดัน” รวมถึงบีบคั้นความสามารถของคนทำงานให้ดี เพราะเราต่างก็ย่อมต้องมีความเป็นมืออาชีพของตัวเอง
เพียงแต่ว่า ถ้าหากเราใส่ใจที่จะไม่กดดันกัน มันอาจจะได้สิ่งที่ดีกว่าทุกวันนี้ก็ได้ หรือถ้าไม่ได้ผลงานที่ดี อย่างน้อยเราอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกันต่ออยู่ ถ้าเรารู้ว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ ที่มีความรู้สึกต่อการถูกกระทำไม่ต่างจากเรา
และบางทีที่เขาบอกว่าตัวเอง เป็นคนที่อดทนต่อความกดดันในการทำงานได้ดี มันอาจจะเป็นสิ่งที่เขาพยายามบอกสั้น ๆ ว่าตอนนี้กำลังพยายาม “อดทนต่องานที่ทำอยู่”
และเมื่อไรก็ตามที่กดดันจนทนไม่ไหว
… ก็ถึงเวลาที่ต้องจากไปกันเสียที
ป.ล.เขียนขึ้นเป็นกำลังใจให้คนทำงานนะครับ ด้วยความเชื่อว่าการทำงานก็กดดันมากพอแล้ว อย่าให้ต้องกดดันกับคนหรือบรรยากาศมากกว่านี้ เพราะคนทุกคนมีความอดทนที่ไม่เท่ากัน และมันอาจจะทำให้เราเสียคนดี ๆ ไปสักวันหนึ่งครับ

พรี่หนอม หรือ แท็กซ์-บัก-หนอม เจ้าของ บล็อกภาษีข้างถนน ผู้สนใจทำให้การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่มักแอบคิดเสมอว่าชีวิตเราควรมีอะไรมากกว่าการทำงาน จึงเป็นที่มาของบทความในออฟฟิศ 0.4 กับคอลัมน์ชื่อ “สิ่งที่คนทำงานไม่เคยบอก”