Productivity อย่างไรไม่ให้งานตามไปหลอกหลอน

18 October 2019

อริสโตเติ้ลเคยกล่าวไว้ว่า “เราจะเป็นอย่างไรนั้นอยู่ที่สิ่งที่เราทำซ้ำในแต่ละวัน”

แน่นอนว่าการเขียนขึ้นมาเช่นนี้เรากำลังจะพูดถึง วงจรในชีวิตประจำวันกับพิธีกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำๆ นั้น มันส่งผลต่อ Productivity เราอย่างไร ซึ่งเป็นประเด็นที่คนทำงานหลายคนสนใจและอยากให้เกิดขึ้นในชีวิตเหลือเกิน

เรื่องของ Productivity นั้นมันเกิดขึ้นตั้งแต่เราลืมตาตื่นนอนขึ้นมาแล้ว และเราก็จะเจอด่านวงจรในชีวิตประจำวันมากมายที่คุ้นเคย เช่น พับผ้าปูที่นอน ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว กินอาหารเช้า และเริ่มวางแผนว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง เพื่อที่จะทำให้ชีวิตในวันนั้นๆ ไม่วุ่นวายจนเกินไป  เขียนมาแค่นี้ก็พอรู้แล้วว่าชีวิตเราเต็มไปด้วยวงจรแบบเดิมๆ อย่างเลื่ยงไม่ได้ นี่จึงเป็นอีกเหตุนึงว่าทำไม การออกแบบวงงจรชีวิตประจำวัน (Routine) ถึงสำคัญต่อ Productivity

พออ่านมาแบบนี้จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนธรรมดาอย่างเราๆ ถึงสนใจชีวิตประจำวันของบุคคลที่ประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่าจะเป็นตัวผู้ประกอบการ หรือคนทำงานด้านความคิดสร้างสรรค์ และการที่เราคิดว่าจะก๊อปปี้วิธีคิดกับการใช้ชีวิตของบุคคลที่ประสบความสำเร็จมาเพื่อที่จะก่อให้เกิดผลลัพธ์เดียวแบบที่พวกเขาเป็นนั้นน่าจะเป็นทางที่นำไปสู่ชีวิตที่ดี ถ้าคุณกำลังคิดแบบนั้น ผมขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ผิดทันที!

ทำไมนะเหรอ?

นั่นเพราะว่าสำหรับชีวิตคนหนึ่งคนนั้นมันมีปัจจัยและความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันสิ้นเชิงนะสิ ปัดโถ่ว!

ลองคิดกันเล่นๆ นะ สมมติว่าคุณรู้ว่า ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิ้ล ตื่นตี 3.45 ทุกวัน คุณคิดว่าชีวิตจะประสบความสำเร็จแล้วเหรอ ซึ่งมันยังไม่ช่ายยยยยยย ยังมีองค์ประกอบมากมายในชีวิตประจำวันที่มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ จริงๆ การไปก๊อปปี้วิถีและวิธีการใช้ชีวิตของผู้อื่นแบบที่เล่าไปเมื่อกี้มันไม่ได้ช่วยอะไรถ้าเรายังไม่รู้จักความต้องการและเมจิกโมเม้นท์ของชีวิตเราดีพอ

ถามว่าไอ้โมเม้นท์ที่ว่ามันคืออะไรว่ะ

อ่าว…เอางี้ถามง่ายๆ เลยว่าเราเคยสังเกตพลังในการทำงานของเราหรือเปล่าว่าทำได้ดีในช่วงเวลาไหน หรือพลังหมดช่วงเวลาใด ลองสังเกตบ่อยๆ แล้วจับชีพจรเอา ซึ่งถ้าเราจับได้ เราก็จะได้วางแผนในการช่วงชิงช่วงเวลาในชีวิตประจำวันเหล่านั้นมาคิดและผลิตงานให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง นี่คือการปกป้องช่วงเวลาที่ดีที่สุดในแต่ละวันเมื่อเรารู้ว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการคิดหรือสร้างสรรค์งานคือช่วงไหน

“นับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด แม้เป็นแค่เพียงเวลาสั้นๆ”  เดี๋ยวๆ นั่นมันเพลงบอย – ป๊อด แต่เออ…แม่งเข้าว่ะ

เมื่อกี้เราพูดถึงเรื่องของวงจรในชีวิตประจำวันที่ส่งผลต่อ Productivity ไปแล้ว ทีนี้มันมีอีกประเด็นหนึ่งที่ทางผู้เขียน JORY MACKAY ได้เขียนเอาไว้ใช้คู่กันนั่นคือ Ritual หรือ พิธีกรรม หลายคนถามว่าอ่าวแล้วมันเกี่ยวข้องกับเรื่อง Productivity อย่างไรหว่า

เอาเข้าจริงตอนอ่านหัวข้อก็ตั้งคำถามเหมือนกัน เพราะเรื่อง Routine ตอนอ่านแล้วมันยังรู้สึกถึงความเป็นวิทยาศาสตร์ได้บ้าง แต่มาประเด็นนี้มันออกดูแนวไสยศาสตร์และความเชื่อเหมือนกันนะ แต่ก็น่าสนุกดีถ้าเราใช้ทั้งสองศาสตร์นี้มาขับเคลื่อนชีวิตได้

เหตุผลที่ยกเรื่องพิธีกรรมมา เพราะมีความเชื่อว่าการทำงานอะไรหนักๆ มาทั้งวัน หรือจากวันก่อนๆ อาจทำให้เกิดภาวะ ‘Attention Residue’ หรือภาวะความคิดความมุ่งมั่นที่ตกค้างจากวันก่อนอยู่นั่นเอง ซึ่งมันอาจจะส่งผลต่อการใหม่ที่เราต้องทำต่อนั่นเอง

ทีนี้ JORY MACKAY ผู้เขียนก็เลยมองว่าไอ้เจ้าพิธีกรรมที่จะขจัดความเครียด ความมุ่งมั่นที่ตกค้างจากงานก่อนๆ มันสามารถแก้ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งบางอย่างมันเกี่ยวข้องกับบรรยากาศ รสสัมผัส หรือแม้กระทั่งความเชื่อด้วยนะ ซึ่งทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับธรรมชาติของแต่ละบุคคล กลัวไม่เห็นภาพเราลองไปอ่านตัวอย่างกัน

เมื่อเรามีอาการตึงหรือล้าจากการทำงานในวันก่อนมากๆ การออกไปนั่งร้านกาแฟ จิบรสชาติของมัน สัมผัสกับเนื้อแก้ว และหลีกการคอนเนกกับโลกโซเชียลและผู้คน ก็เป็นพิธีกรรมอีกแบบหนึ่งที่ช่วยบรรเทาอาการ  ‘Attention Residue’ ลดลงได้เหมือนกัน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับธรรมชาติของแต่ละคนนะ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งพิธีกรรมที่พี่ JORY MACKAY เขาแนะนำ

หลายคนคงสงสัยว่าเช่นนี้แล้วมันมีประโยชน์จริงเหรอ จริงๆ ก็มีนักวิจัยเก็บข้อมูลเชิงพฤติกรรมผ่านพิธีกรรมเช่นนี้เหมือนกันนะ โดยนักวิจัยเผยว่าการทำเช่นนี้มันช่วยเรื่อง การรู้ทันตนเอง และสามารถเยียวยาความผิดหวังที่เกิดขึ้นในชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อมได้

ในขณะที่คนดังๆ เขาก็มีพิธีกรรมเฉพาะส่วนตัวของเขาเหมือนกัน เช่น วินสตัน เชอร์ชิลล์ ที่มีความเชื่อว่าเขาจะทำงานได้ดีทุกวันหลังจากได้นอนหลับในเวลากลางวัน และมีการได้ดื่มวิสกี้โซดาอ่อนๆ ในช่วงเย็น ส่วนนักเขียนชื่อดังอย่าง สตีฟเฟ่น คิงส์ ก็ชีวิตประจำวันผสมกับพิธีกรรมที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน คิงส์บอกว่าเขาจะตื่นเช้าทุกวัน และเวลาประมาณแปดโมงถึงแปดโมงครึ่งเขาจะหาที่นั่งสักแห่งพร้อมกับเขียนอะไรบางอย่างพร้อมกับกาแฟหรือชาสักถ้วย

พออ่านจบแล้วถึงขั้นมองหา Routine และ Ritual ของ ตัวเองทันทีเลย ว่าแต่….มันซ่อนอยู่ไหนหว่า

อย่าลืมติดตาม PODCAST ออฟฟิศ 0.4

SPOTIFY : https://spoti.fi/38KKW19

APPLE : https://apple.co/2TXdzUr

SOUNDCLOUND : http://bit.ly/OFFICE04TH-SC

YOUTUBE : http://bit.ly/OFFiCE04TH-YT

PODBEAN : https://office04th.podbean.com/

อ้างอิง: https://www.fastcompany.com/90293936/benefits-of-daily-routines-and-rituals?fbclid=IwAR2LZp4Or0eO5VkBpEOJykH1rQkDLDO53JAOE4nK7f-o7S-y0anRruScNec

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *