“มึงคิดว่าอะไรสำคัญต่อการอยู่รอดของคนยุคนี้”
“กูว่ามันคือความแข็งแกร่งของจิตใจ”
ประโยคสนทนาข้างบนนี้
เป็นสิ่งที่ผมแลกเปลี่ยนกับมิตรสหายท่านหนึ่ง
เรากำลังพูดถึงยุคที่สังคมมีอิทธิพลต่อความคิด
และมันไม่ได้หยุดแค่ชีวิตในโลกที่เรามองเห็นหน้ากัน
เราออนไลน์ เรามองเห็น เราเปรียบเทียบ
เราสมหวัง เราผิดหวัง เราหมดพลัง
และทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นผ่านแค่นิ้วและสมอง
ถ้าตรึกตรองดูดีๆ ผมมีความเห็นว่า
เราไม่ควรหลบหนีจากมัน หรือบอกว่าออฟไลน์ดีกว่า
แต่ควรอยู่และเรียนรู้เพื่อเข้าใจกันและกันมากขึ้น
“มึงทำเพจนี่ อยู่ในโซเชี่ยล เจอพวกนี้เยอะ”
“ส่วนหนึ่ง แต่ทุกคนก็ต้องอยู่ในโซเชี่ยลนั่นแหละ”
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในโลกออนไลน์แบบไหน
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนั้นจะมากระทบใจคุณเสมอ
สิ่งที่คุณต้องมีเพียงอย่างเดียว คือ
เข้าใจว่าทุกอย่างที่เห็นมันเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของการนำเสนอ
ความสุขต่างๆที่เกิดขึ้น
ความทุกข์ต่างๆที่พบเจอ
ข้อขัดแย้งที่นำเสนอด้วยความไม่เข้าใจ
การใช้ถ้อยคำที่ทำร้ายน้ำใจอย่างรุนแรง
ด้วยสาเหตุเพียงเพราะว่า
โลกออนไลน์นั้น มันทำให้สิ่งที่อยู่ในใจเรา
ออกมาให้คนอื่นเขาได้เห็นง่ายขึ้น
ทางที่ดีที่สุด คือ มองเห็นมัน
รู้สึกกับมันสั้นๆ แล้วปล่อยมันไป
นั่นคือความแข็งแกร่งของจิตใจ
…อย่างแท้จริง
“พูดง่ายชิบหาย ทำได้จริงอย่างที่พูดหรือเปล่า”
“ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็ทำ”
ถ้า “อ่าน” แค่ประโยคแรกที่มิตรสหายท่านเดิมพูดมา
ผมอาจจะรู้สึกว่าทำไมพูดจารุนแรงเสียเหลือเกิน
แต่ถ้า “ได้ยิน” เสียงของเขาที่พูดประโยคนี้
ผมเลยรู้ว่าสิ่งที่เขาแสดงมันเป็นเพียงแค่มุกตลก
ความแข็งแกร่งของจิตใจที่ว่า
เกิดจากการยอมรับคุณค่าในตัวเอง
การยอมรับคุณค่าในตัวเอง
เกิดจากการสะสมเรื่องเล็กๆที่สำเร็จในแต่ละวัน
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เราตั้งใจไว้ว่าจะทำ
หรือวินัยที่ผลักดันให้เราทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ
ไปจนถึงคำชื่นชมเล็กๆน้อยๆที่ได้รับ
เพียงเท่านี้มันก็ช่วยสะสมพลังให้เราไปต่อได้ง่ายขึ้น
ถ้าชีวิตมันลำบากนัก
ลองซอยมันย่อยๆออกมาแล้วค่อยๆทำ
เราไม่มีทางเห็นความสำเร็จในพริบตา
แต่เราจะเห็นความก้าวหน้าที่เป็นกำลังใจ
เมื่อเรามีกำลังใจให้ตัวเองจากภายใน
สิ่งภายนอกก็ดูเหมือนจะทำร้ายเราได้ยากขึ้น
แน่นอนว่าทุกวันไม่ใช่ว่าจะมีเรื่องดี
และคนเราไม่ใช่จะทำได้แบบนี้ตลอดไป
คำว่าได้บ้างไม่ได้บ้างนั้น
มันเพียงแค่จะบอกว่าผมกำลังทำมันอยู่
“แค่นี้หรอ ง่ายไปไหม”
“ก็ต้องง่ายๆสิวะ เพราะชีวิตแม่งยาก”
ทั้งหมดที่เล่าให้ฟังนั้น ไม่ได้ต้องการจะบอกว่า
ตัวเองเก่ง หรือ วิธีเหล่านี้ถูกต้อง จนควรทำตาม
แต่ผมเพียงต้องการจะบอกว่า
ถ้าเราสามารถสร้างความแข็งแกร่งของจิตใจได้
เรื่องเลวร้าย เรื่องไม่ดี เรื่องที่เราไม่ชอบ
เรื่องเหล่านี้มันจะทำร้ายเราได้น้อยลง
เราจะมั่นคงอยู่กับการใช้ชีวิตของตัวเอง
จนลืมไปว่า เสียงของคนอื่นนั้นดังแค่ไหน
และมันจะทำให้เราเข้าใจอย่างแจ่มชัดว่า
ที่จริงแล้ว เสียงที่คอยทำร้ายเราอยู่นั้น
… มันเป็นเสียงของเราเอง

พรี่หนอม หรือ แท็กซ์-บัก-หนอม เจ้าของ บล็อกภาษีข้างถนน ผู้สนใจทำให้การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่มักแอบคิดเสมอว่าชีวิตเราควรมีอะไรมากกว่าการทำงาน จึงเป็นที่มาของบทความในออฟฟิศ 0.4 กับคอลัมน์ชื่อ “สิ่งที่คนทำงานไม่เคยบอก”