6 เคล็ดไม่ลับของการทำงานให้ดีขึ้น

11 July 2022

ค่ำคืนหนึ่งของการเลี้ยงส่งน้องในทีมงานที่ทำงานมาด้วยกัน มีน้องคนหนึ่งถามผมบนโต๊ะอาหารว่า ผมมีวิธีการทำงานอย่างไรก่อนจะมาถึงตรงนี้ ผมก็ออกตัวด้วยการตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า จริง ๆ แล้วผมไม่ได้เป็นคนเก่งอะไรเลย ถ้าให้เทียบอายุกับน้อง ๆ ในช่วงเดียวกัน น้อง ๆ เก่งกว่าผมเสียอีก

แต่มันมีจุดพลิกผันของชีวิต เรียกได้ว่าเป็นวิกฤติเลยก็ว่าได้ที่ทำให้ผมเองต้องหาทางดิ้นรน ด้วยการถีบตัวเองให้รอดในการทำงานไปพร้อมกับการสร้างรายได้เพิ่ม แต่การจะมุ่งมั่นตะบี้ตะบันทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำแบบไร้ทิศทาง ผมรู้เลยว่ามันมีแค่ข้อดีอย่างเดียวในมุมของคนอื่นก็คือ มองแค่ว่าเราเป็นมดงานที่ขยัน หนักเอาเบาสู้ แต่ภายในนั้นยังมองหาสิ่งที่มีมูลค่าไม่เจอ และยังสร้างจุดเซอร์ไพรซ์อะไรได้ไม่มากนัก

วิธีแก้ไขจุดนี้ ผมเลยพลิกวิธีคิดใหม่ด้วยการสังเกตวิธีการทำงานของคนเก่ง ๆ ในที่เดียวกัน

วิธีนี้ง่ายมาก เพราะเหมือนเราเป็นจระเข้อยู่ในบึงอันเงียบสงบ ทำตัวนิ่ง ๆ และคอยสังเกตความเคลื่อนไหวของคนเก่ง ๆ อย่างเดียว ที่สำคัญต้องหมั่นจดบันทึกแล้วนำกลับมาวิเคราะห์ ตั้งแต่วิธีการทำงาน บทบาทในห้องประชุม และการเตรียมความพร้อมที่สอดคล้องกับทิศทางของบริษัทอย่างสม่ำเสมอ ทำไมนะทำไม?

จนสุดท้ายผมพอมีลิสต์ที่มาแชร์น้องที่ถามผมมาฝากแบบคร่าวๆ ดังนี้ครับ

1

ถ้าอยากเติบโตไปกับองค์กรที่เราชื่นชอบ จะด้วยเพราะเงินเดือน วัฒนธรรม หรือแบรนด์ดิ้งขององค์กร ก็คือต้องติดตามทิศทางขององค์กรว่าในอนาคตอันใกล้และไกล องค์กรจะเดินไปในทิศทางไหน ถ้าเราพอรู้แล้วก็ค่อย ๆ หาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับทิศทางเหล่านั้นมาใส่ในตัวเราก่อนใคร โดยที่ไม่จำเป็นต้องให้ใครมานั่งบอก เรียกได้ว่าชิงศึกษาและอ่านเกมให้ออกก่อน คนที่เตรียมพร้อมกับโอกาสมากที่สุดจะได้เปรียบครับ

2

มูลค่าของเราจะออกได้ ก็ต่อเมื่อคนอื่น ๆ เริ่มเห็นภาพและจับต้องได้ นั่นคือ การสร้างผลงานในแต่ละปีให้มีความชัดเชนขึ้นมา ซึ่งผลงานที่ออกมาไม่จำเป็นต้องเยอะ แต่จำเป็นต้องชัด โดยภายในหนึ่งปีอาจตั้งเป้าว่าอยากสร้างงานมาสเตอร์พีชขึ้นมาหนึ่งชิ้นเพื่อให้คนจดจำในแผนกและคนที่สร้างสรรค์มันขึ้นมาแบบเราก็ได้ การมีผลงานที่โดดเด่นปีต่อปี จะเป็นตัวประกันในการเจรจาอนาคตในการทำงานของเราหลาย ๆ ด้าน ทั้งตำแหน่ง ผลตอบแทน และอื่นๆ ที่เราคาดไม่ถึง

3

อย่าหยุดหา Output จากข้างนอก ต้องยอมรับว่าการเฝ้ารอการป้อนความรู้จากภายในองค์กรด้วยการเชิญวิทยากรและจัดเวิร์กชอปแค่ไม่กี่ชั่วโมง มันไม่ได้สร้างทักษะให้เราได้เลย เต็มที่ก็แค่สร้างการรับรู้ว่ามันมีแนวคิดและวิธีการแบบนี้เท่านั้น ดังนั้น การหาความรู้และประสบการณ์จากนอกเวลางาน จึงเป็นจุดตัดในการทำงานของยุคนี้อย่างรุนแรง

4

สร้างแบรนด์ดิ้งของตัวเองขึ้นมา จากการตั้งคำถามง่าย ๆ ว่าอยากให้คนอื่นจำเราในฐานะพนักงานแบบไหนจากตำแหน่งงานที่เราทำอยู่ และเราก็ลองเอาธรรมชาติในด้านที่ดีและน่าสนใจจากความเป็นเราผสมผสานเข้าไปกับงานที่ถนัดและทำได้ดีที่สุด จะเกิดความชัดเจนในตัวเรามากขึ้น และองค์กรก็สามารถมองเห็นคุณค่าและโอกาสที่จะเรียกใช้เราได้มากกว่าแค่งานบนโต๊ะทำงานเท่านั้น

5

สร้างรายได้จากช่องทางอื่นควบคู่กับงานประจำที่ทำไปอย่างสม่ำเสมอ นี่คืออีกหนึ่งเคล็ดลับที่ทำให้เราไม่ต้องเคลียดหรือกังวลกับงานที่ทำมากนัก เรียกว่าโฟกัสกับงานให้เต็มที่ ในขณะที่เงินในบัญชีในธนาคารมีให้ใช้ในทุกๆ เดือน

6

สุขภาพคือความลับของเรื่องราวทั้งหมด การมีสุขภาพที่ดีเริ่มจากการนอนที่เพียงพอ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มันส่งผลต่ออารมณ์และการควบคุมร่างกาย รวมถึงจิตใจในหลาย ๆ ด้าน เป็นอีกหนึ่งหนทางในการบริหารความตึงเครียดจากการทำงานและความคาดหวังอื่น ๆ อีกมากมาย สุขภาพจึงเป็นหัวใจสำคัญของพื้นฐานทุกเรื่องที่เอ่ยมา

ไม่รู้ว่าพอจะได้ประโยชน์กันบ้างไหม…แต่ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ผมแอบสังเกตคนทำงานเก่ง ๆ เขามีกัน และถึงวันนี้ผมก็ยังคงทำแบบนี้อยู่เสมอ ถึงแม้จะยังไม่เก่งเท่าพี่ ๆ เขา แต่ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ และสร้างความเปลี่ยนแปลงไม่น้อยเลยทีเดียวครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *