เราทำงานหนักไปเพื่ออะไร ?
คำถามที่ถามบ่อย แต่ไม่ค่อยรอคำตอบ
1
สงกรานต์ที่ผ่านมา กูไม่ได้หยุดเลยว่ะ
มึงยังดี กูไม่ได้หยุดทำงานตั้งแต่สงกรานต์ปีก่อน
ท่ามกลางความไม่แน่นอนแบบนี้
บางคนบอกผมว่าสงกรานต์คือสงคราม
เพราะหลังจากที่กลับมาทำงานปกติ
เราอาจจะต้องเจอชีวิตที่ไม่เหมือนเดิม
การทำงานหนักตลอดที่ผ่านมา
แม้ว่าจะไม่ใด้ช่วยอะไรให้เห็นชัด
แต่หลายคนกลับมีความเชื่อว่า
การไม่ทำอะไร อาจจะทำให้แย่ไปกว่านี้
ดังนั้นการทำงานช่วงนี้
มันคงดีกว่าการที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
2
มีคำกล่าวในสายพัฒนาตัวเอง
ที่เรามักจะได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ นั่นคือ
การประสบความสำเร็จในงาน
ไม่ได้อยู่ที่คุณทำงานหนักแค่ไหน
แต่อยู่ที่คุณทำงานได้ฉลาดมากแค่ไหน
Work Smart NOT Work Hard
แต่ในบางครั้ง ความฉลาดก็อาจจะไม่พอ
เพราะคนเรามีเวลาอย่างจำกัด
คนที่จัดสรรเวลาไปให้งานได้มากกว่า
และยังสามารถทำงานฉลาดกว่าคนอื่นได้
ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าเช่นกัน
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องการความขยันแบบนี้
3
มิตรสหายท่านหนึ่งบอกกับผมไว้ว่า
การทำงานหนัก คือ การขายวิญญานให้ปีศาจ
มันอาจจะแลกมาด้วยความสำเร็จ
แต่ก็ต้องแลกมาด้วยอย่างอื่นมากมาย
สุขภาพร่างกาย ความสัมพันธ์ และอื่น ๆ
และมันช่างน่าขมขื่นที่สุด
ถ้ายอมขายวิญญานไปให้แล้ว
แต่ปีศาจเลือกที่จะไม่ซื้อจากคุณ
เพราะคุณจะสูญสิ้นทุกอย่าง
รวมถึงความสำเร็จในงานที่ต้องการด้วย
—
บทบันทึกเล็ก ๆ ที่เขียนมาถึงตรงนี้
ไม่ได้ต้องการบอกว่าการทำงานหนักนั้นไม่ดี
หรือการทำงานแบบฉลาดนั้นเป็นเรื่องที่ควรทำ
เพราะการงานนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล
ที่หมุนวนและเวียนว่ายแตกต่างจากกันไป
แต่คำถามที่ควรตอบให้ได้จริง ๆ คือ
เราทำงานหนักไปเพื่ออะไร ?
และ “เรา” เท่านั้นควรเป็นผู้ตอบให้ได้
ว่าเราตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้เพราะอะไร
เพราะสุดท้ายแล้ว
ถ้าเราตอบคำถามนี้ไม่ได้
แต่ยังคงเลือกที่จะทำงานหนักอยู่
มันอาจจะแปลว่าเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า
งานที่เราทำนั้นมีคุณค่าต่อเราอย่างไร
และมันช่างน่าเสียใจ
ยิ่งกว่าการขายวิญญานให้กับปีศาจ
… เสียอีก

พรี่หนอม หรือ แท็กซ์-บัก-หนอม เจ้าของ บล็อกภาษีข้างถนน ผู้สนใจทำให้การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่มักแอบคิดเสมอว่าชีวิตเราควรมีอะไรมากกว่าการทำงาน จึงเป็นที่มาของบทความในออฟฟิศ 0.4 กับคอลัมน์ชื่อ “สิ่งที่คนทำงานไม่เคยบอก”