เมื่ออายุมากขึ้นยิ่งต้องคิดหน้าคิดหลังให้มากขึ้น เหตุที่เป็นเช่นนี้มีอยู่สองเรื่อง
เรื่องแรกมาจากการเรียกร้องของ เอมิล ราเทลบันด์ ชาวเนเธอร์แลนด์วัย 69 ปี ที่ออกมายื่นคำร้องต่อศาลให้เปลี่ยนข้อมูลวันเกิดของเขาน้อยลงอีก 20 ปี เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสใหม่ให้ชีวิต นั่นคือผลลัพธ์ที่เอมิลอยากได้
แต่เหตุใดเบื้องลึกที่แท้จริงของการเรียกร้องเพื่อเปลี่ยนข้อมูลวันเกิดนั้น จากการรายงานข่าวอ้างว่า เพราะเอมิลถูกเลือกปฏิบัติจากการที่มีอายุเยอะนั่นเอง รวมถึงยังส่งผลกระทบต่อการจ้างงานด้วย ที่สำคัญยังมีโอกาสในการหาคู่ในแอพชื่อดังอย่าง Tinder อีกด้วย (แหม่…ลุงงงง)
ทว่าสุดท้าย ข้อเสนอของ เอมิล ราเทลบันด์ ก็ไม่น่าจะได้รับการตอบรับและปฏิบัติจากศาลแต่อย่างใด เพราะยังไม่มีกฎหมายในประเทศอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงข้อมูลวันเกิดได้
ส่วนประเด็นเรื่องการจ้างงาน ตามข่าวที่ระบุมานั้นรายงานว่าห้ามนายจ้างใช้เกณฑ์อายุเป็นเหตุผลในการไม่รับคนเข้าทำงาน อันนี้ลุงเอมิลก็น่าจะใจชื้นมาบ้าง เลยคิดเล่นๆ ว่าจริงๆ แล้วลุงอยากแมตซ์ Tinder มากกว่าป่าว
เรื่องที่สองมาจากการพบปะสังสรรค์จากพี่น้องที่ทำงานเก่า ซึ่งเราจะมีการนัดเจอกันหนึ่งครั้งต่อหนึ่งปี เพื่อมาแลกเปลี่ยนสารทุกข์สุขดิบกันให้ได้หายคิดถึง
การเจอกันครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน เพราะประเด็นแรกที่เราชวนคุยกันประเด็นแรกกลับเป็นเรื่องสุขภาพมากกว่าหน้าที่การงาน พวกเราจึงหัวเราะแล้วคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า นี่คือการเข้าสู่วัยผู้ใหญ่แบบเต็มตัว ที่ต้องหัดหันมามองย้อนดูสุขภาวะภายในของตัวเองอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าแก้วที่ถูกถืออยู่ในมือจะเป็นเบียร์เย็นๆ ที่ถูกดื่มไปหลายอึกอยู่ก็ตาม
ยิ่งตกดึกเรื่องยิ่งเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการทำงานในอดีตของหัวหน้าผม ที่ได้เปิดใจเล่าถึงจุดสูงสุดในการทำงาน มาสู่จุดติดลบ และการหาความสมดุลของชีวิตและการทำงานในปัจจุบัน
จากคนที่เคยเป็นดาวเด่นในพื้นที่การทำงาน มีคนนับหน้าถือตา มีรายได้ก้อนงามประจำเดือนอย่างล้นมือ จนกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงจากอำนาจในการปกครองในที่ทำงาน
จากนักรบฝีมือฉมังที่ใครๆ ก็ยอมรับในทั่วหล้า แต่กลับถูกลดทอนอำนาจ ยึดพื้นที่ และปิดกั้นสนามรบที่ต้องออกไปประลองลับคมกับโจทย์ใหม่ๆ จากลูกค้า เขาจึงไม่ต่างอะไรจากนักรบที่ถูกตัดแขนขาและโยนอยู่ในห้องมืด ค่อยมีมีคนส่งน้ำและข้าวเลี้ยงไว้เท่านั้น
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงเลือกออกจาการเป็นหางราชสีห์ไปเป็นหัวสุนัขดีกว่า หัวหน้าของผมยื่นคำลาจากการเป็นพนักงาน ได้แต่ทิ้งตำนานความเก่งฝากเอาไว้ในผลงานที่ทำมาเกือบทศวรรษ
ด้วยความที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับปัจจัยหลายอย่างที่จำเป็นต้องตัดสินใจเช่นนั้น ทำให้ช่วงแรกเขาอยู่อย่างยากลำบาก ทั้งเรื่องบาดแผลในจิตใจและรายได้ประจำเดือนที่ต้องแบกรับอีกด้วย
แต่นักรบก็ยังไม่สิ้นลาย หัวหน้าค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัวจากประสบการณ์ที่โชกโชนและฝีไม้ลายมืออันเป็นที่ยอมรับในวงการ จนปัจจุบันสามารถอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก และใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลในแบบที่คนวัยเกือบ 50 ควรได้รับ
เหตุที่นำสองเรื่องนี้มาเขียนพร้อมกัน เพราะ…
1
ผมเห็นข้อคิดจากเอมิล ราเทลบันด์ ในวัย 69 ปี ที่เรียกร้องในการลดอายุนั้น ยิ่งตอกย้ำว่า ‘โอกาส’ คือสิ่งสำคัญเสมอ และบางโอกาสนั้นช่วงอายุก็คือเส้นแบ่งแยกที่อาจทำให้เราไม่สามารถย้อนกลับไปขอได้อีกเลย ดังนั้น ถ้าคิดไว้ว่าอยากทำอะไร อย่าประมาทในเรื่องของเวลา อย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไปแล้วคิดว่าจะเรียกคืนจากมันได้
2
บทเรียนแห่งความไม่แน่นอนในชีวิตการทำงานของอดีตหัวหน้าที่เคารพของผม จากจุดสูงสุดอันหอมหวานสู่จุดติดลบอันขมปี๋ มันเป็นเรื่องน่าลำบากใจไม่น้อย บทเรียนนี้ยิ่งตอกย้ำว่าในโลกการทำงานสถานะของเราถูกเปลี่ยนแปลงอยู่ได้เสมอ เมื่อปัจจัยต่างๆ ที่เชื่อมโยงมาสู่เรานั้นไม่เหมือนเดิม
สำหรับคนที่เข้าใจแล้วก็จะพอรู้ว่านี่คือรากฐานในโลกปัจจุบันที่เป็น New Normal ไปแล้ว ใครเรียนรู้ได้เยอะกว่า มองเห็นโอกาสได้ชัดเจนกว่า วางแผนในชีวิตได้แยบยลกว่า คิดพึ่งตนเองมากกว่าองค์กรหรือบริษัทในระยยาวก็จะลดความเสี่ยงกับการเจอวิกฤตในชีวิตได้พอสมควร
แต่ทุกอย่างที่ว่าแน่นอนก็อาจไม่แน่นอนเสมอไป เพราะขึ้นชื่อว่า ‘ชีวิต’ แล้ว มักมีโจทย์ใหม่ๆ มาให้เราขบคิดและแก้ไขอยู่เสมอ
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่น่าจะแก้ไขได้ก็คงจะเป็นการเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงข้อมูลวันเกิดเพื่อโอกาสใหม่ๆ แบบ ลุงเอมิล ราเทลบันด์ ก็แหม่…ลุง จาก 69 ให้เป็น 49 น่ะมันได้ แต่หน้ามันฟ้องว่าลุงโกงอายุจริงๆ นะจะบอกให้
อย่าลืมติดตาม PODCAST ออฟฟิศ 0.4
SPOTIFY : https://spoti.fi/38KKW19
APPLE : https://apple.co/2TXdzUr
SOUNDCLOUND : http://bit.ly/OFFICE04TH-SC
YOUTUBE : http://bit.ly/OFFiCE04TH-YT
PODBEAN : https://office04th.podbean.com/

Podcaster : ออฟฟิศ 0.4
Writer : สิ่งที่เจ้านายไม่เคยบอก / เปิดเทอมใหญ่วัยทำงาน / เป็นคนที่ใช่ในงานที่ชอบ / นี่เงินเดือนหรือเงินทอน