เรียนรู้ปรัชญาการทำงานจาก Jiro Dream of Sushi

29 May 2020

ในการทำงานบางครั้งเราเผลอไปมอบความสำคัญให้กับขนาดของงานจนเกินไป ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ใช่แก่นสารสำคัญมากไปกว่าความตั้งใจที่จะทำงานทุกชิ้นให้มีคุณภาพบนมาตรฐานเดียวกัน แม้ขนาดของงานนั้นจะเล็กเท่าซูชิคำเดียวก็ตาม

ภาพยนตร์เรื่อง Jiro Dream of Sushi นำเสนอเรื่องราวของร้าน ‘สุกิบายาชิ จิโระ’ ร้านซูชิอันเลื่องชื่อแห่งย่านกินซ่าในกรุงโตเกียว ซึ่งมีจิโระ โอโนะ วัย 85 ปี เป็นเจ้าของร้าน

แม้อายุของจิโระ จะบ่งบอกว่าเขาอายุมากเกินไปที่จะลุกขึ้นมาทำงานแบบคนหนุ่มสาว แต่เพราะความรัก ความหลงใหล และความมุ่งมั่นในการทำซูชิแต่ละคำให้ออกมาดีที่สุด ทำให้อายุกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่เรามองเห็นจากภายนอกเพียงผิวเผิน

ความรัก ความหลงใหล และความมุ่งมั่น ต่างหากที่ทำให้จิโระเหมือนคนหนุ่มที่มีพละกำลังในการทำงานอย่างล้นเหลือ

พลังในการทำงานของจิโระได้ปรากฏอยู่บนซูชิคำเล็กๆ ที่มีความละเมียดละไม ซึ่งเต็มไปด้วยความใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่วัตถุดิบ ที่เขาลงไปคัดเลือกด้วยตัวเอง ตั้งแต่ ปลามากุโร ไข่หอยเม่น ข้าวสาร ผัก เป็นต้น

ซูชิคำเล็กๆ ได้ซ่อนรายละเอียดอันยิ่งใหญ่ จนมีลูกค้าหลากหลายเชื้อชาติจากทุกมุมโลกต้องการมาสัมผัสรสชาติซูชิที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

ลูกค้าที่ต้องการลิ้มรสซูชิอันเลื่องชื่อ จำเป็นต้องทำการจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เพราะในร้านมีที่นั่งเพียง 10 ที่นั่งเท่านั้น เหตุผลเพราะ จิโระไม่ได้ต้องการปริมาณมากไปกว่าคุณภาพที่ลูกค้าควรจะได้รับจากซูชิของเขานั่นเอง

เมื่อติดตามดูชีวิตของจิโระ มุมหนึ่งเขาก็เป็นคนทำซูชิที่มีจิตวิญญาณสูงเกินคาด

อีกมุมหนึ่งเขาก็เป็นทั้งพ่อและอาจารย์ที่คอยสอนลูกชายทั้งสองคนอย่างตั้งอกตั้งใจไม่แตกต่างจากลูกจ้างภายในร้านเลย

ขณะเดียวกัน จิโระเองก็เป็นนักเรียนรู้อยู่เสมอ

ทุกครั้งที่เขาลงมือปั้นซูชิแต่ละคำ เขาจะบรรจงหยิบข้าวและเนื้อปลามาประกบกันอย่างตั้งอกตั้งใจและวางซูชิไว้บนจานอย่างปราณีต

จิโระจะคอยสังเกตลูกค้าว่าถนัดใช้มือข้างไหน จากนั้นเขาจะเสิร์ฟให้ตรงกับมือที่ลูกค้าถนัด ซึ่งเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาไม่ละวางสายตาเลยสักนิดเดียว

เมื่อลูกค้าหยิบซูชิเข้าปาก เขาจะสังเกตความพึงพอใจของลูกค้าอยู่เสมอ

นี่คือสิ่งที่จิโระทำมาโดยตลอดชีวิตในการทำซูชิ

ผมจึงไม่แปลกใจว่าทำไมร้านเล็กๆ ที่มีเพียงไม่กี่ที่นั่ง ซูชิไม่กี่คำ ถึงได้แตะหัวใจของลูกค้าทุกคนที่มาเยือน

การติดตามชมชีวิตการทำงานของจิโระนั้น ทำให้ผมได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า

มืออาชีพ เป็นมากกว่าหนึ่งอาชีพ

แม้ในสายตาของคนดูอาจมองจิโระเป็นคนทำซูชิที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในโลก

แต่สำหรับผม จิโระมีทัศนคติของนักเรียนรู้อยู่เต็มเปี่ยม เพราะเขาไม่เคยพึงพอใจต่อความสำเร็จเดิมๆ

ทุกครั้งที่เขาเดินทางไปที่ตลาดเพื่อคัดเลือกวัตถุดิบ

สายตา รสสัมผัส ที่เขาทดสอบจากปลาแต่ละตัวนั้น สะท้อนให้ผมรู้สึกได้ว่า…

วันรุ่งขึ้น คือ วันใหม่ ไม่มีความสำเร็จจากเมื่อวานอีกต่อไป นั่นเป็นทัศนคติในการทำงานของจิโระ ซึ่งทำให้จิโระมีแรงกระตุ้นในการสร้างสรรค์ซูชิที่ดีที่สุดออกมาอย่างสม่ำเสมอ จนมิชลินได้มอบดาวให้ถึง 3 ดวง นั่นหมายถึง ไม่ว่าคุณจะอยู่มุมใดของโลก ก็ควรมาชิมซูชิจากที่แห่งนี้สักครั้งในชีวิต

หากใครเคยชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ก่อนเข้าเรื่องมีประโยคท่อนหนึ่งของจิโระที่กล่าวถึงการทำงานของตัวเขาเองไว้อย่างน่าสนใจ

“เมื่อเราตัดสินใจว่าเราจะทำอาชีพอะไร

เราก็ต้องอุทิศตัวให้กับมัน

เราต้องรักงานที่เราทำและต้องไม่บ่นงานที่เราทำ

ถ้าเราบ่นมันแสดงว่าเรายังรักมันไม่พอ

เราต้องอุทิศด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้มันดีขึ้น

นั่นคือเคล็ดลับความสำเร็จและเป็นกุญแจสู่การได้รับการยอมรับแบบที่ผมเป็นอยู่ทุกวันนี้”

หมายเหตุ: บทความนี้อยู่ในหนังสือ สิ่งที่เจ้านายไม่เคยบอก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *