“พี่เคยหมดไฟบ้างป่ะวะ”
“เป็นประจำ ทุกวันนี้กูก็เฟลๆแย่ๆตลอดแหละ”
วันก่อนได้มีโอกาสแชร์ประสบการณ์กับน้องคนหนึ่งเรื่องการทำเพจ TaxBugnoms ครับ คุยไปคุยมาเลยพูดถึงเรื่องของการใช้ชีวิต น้องถามผมว่าทำเพจมานานแบบนี้ไม่หมดไฟบ้างเหรอ? หรือเวลาเจอปัญหาไม่รู้สึกท้อแท้บ้างหรอ?
คำตอบของผม คือ
ทุกวันนี้ผมก็เฟลๆแย่ๆตลอดอย่างที่บอกมานั่นแหละครับ ฮ่า
“เวลาแย่ พี่ยังทำต่ออีกเหรอ”
“กูว่ามันก็ปกตินะ คือถ้ามองว่าเป็นงานทีต้องทำ มันก็ง่ายดี”
ตอบแบบไม่สร้างภาพ ผมทำเพจเพราะมันเป็นงานครับ นี่คือหนึ่งในช่องทางที่สร้างโอกาสและรายได้ให้กับผม และถ้าค้นหาเหตุผลเบื้องลึกในใจ ตอนแรกผมตั้งใจทำเพจเพราะผมอยากเก่งเรื่องภาษีครับ ส่วนการที่คนอื่นได้ประโยชน์จากสิ่งที่ผมทำนั้น แม้ว่ามันจะเป็นวัตถุประสงค์ทางอ้อม แต่เป็นกำลังใจหลักในการทำเพจต่อของผมครับ
เวลาได้ยินประโยคแนวๆ “ขอบคุณพี่หนอมมากนะครับ เพจพี่ช่วยให้ผมเข้าใจเรื่องภาษี จนวันนี้จดบริษัทเองแล้ว” ผมรู้สึกดีใจและขอบคุณทุกครั้ง เพราะมันทำให้รู้ว่าสิ่งที่ผมทำนั้นมีความหมายต่อคนอื่นด้วย
แต่แน่นอนว่า การทำอะไรแบบนี้ขีดจำกัดครับ
บางทีมันก็เหนื่อยบ้าง เพลียบ้าง
บางทีมันก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า
เราต้องทำอะไรแบบนี้ตลอดเหรอ ?
ทำไมพี่ไม่หาทีมช่วยทำล่ะ” น้องคนเดิมยังถามต่อ
“กูอยากรับผิดชอบทุกอย่างที่กูทำด้วยตัวเอง” ผมตอบตามความรู้สึก
ในส่วนของการดูแลติดต่อประสานงาน ผมมีทีมงานช่วยทำครับ กล้าบอกเลยครับว่าเป็นทีมงานที่ดีมากๆ ที่เข้าใจความต้องการของผมในทุกเรื่อง แต่ในส่วนของเนื้อหา คอนเท้นท์ หรือโพสต่างๆ (ถ้าไม่ใช่งานลูกค้าหรืองานที่ต้องใช้กราฟฟิคสวยงาม) ผมพยายามทำเองหมดครับ
นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ผมไม่ตอบปัญหาภาษีทางเพจด้วยครับ ส่วนหนึ่งเพราะไม่ไหวจะทำ อีกส่วนน่าจะเป็นเพราะปัญหาที่เคยเจอแอบอ้างไปใช้
เนื้อหาในเพจ บทความ รูปประกอบต่างๆ สไลด์บรรยาย อัดเสียงพอสแคสท์ ตัดต่อเสียง ทำคลิปสอนภาษี ฯลฯ ผมทำมาหมดแล้ว 555
พูดแบบนี้ไม่ได้จะมาโอ้อวดว่าเก่ง หรือบอกว่าตัวเองเจ๋งนะครับ เพียงแต่ผมเชื่อว่าการทำแบบนี้มันทำให้ผมได้เรียนรู้ เข้าใจ และพัฒนาตัวเองมากขึ้นไปพร้อม ๆ กัน
ฟังดูแล้วเริ่มน่าสงสารแทนใช่ไหมครับ ฮ่าๆ
“สรุปนี่พี่เฟลอะไรกันแน่วะ” น้องถามผมต่อแบบงงๆ
“คือมันเหนื่อยไง 555” ภายใต้เสียงหัวเราะมีความเศร้าซ่อนอยู่
เอาจริงๆ การทำเองทุกอย่างมันเหนื่อยครับ และอย่างที่บอกไปว่า การทำเพจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของงาน มันยังมีอะไรอีกมากที่ต้องทำ ทุกวันนี้ผมมีทั้งบรรยาย อัดรายการ เขียนหนังสือ เขียนบทความ เขียนวารสาร ไปจนถึงคิดเนื้อหาใหม่ๆ รวมถึงการหาความรู้อัพเดทเพื่อให้เนื้อหาของตัวเองพัฒนาไปเรื่อย ๆ ด้วย
อ้อ ยังไม่รวมการใช้ชีวิตในช่วงเวลาต่างๆ การเจอเพื่อนฝูง คุยงาน ออกกำลังกาย ดูแลครอบครัว พ่อ แม่ ลูกเมีย และความสัมพันธ์ต่างๆ ซึ่งหลายครั้งหลายคราวการทำเพจมันก็เบียดบังเวลาชีวิตของผมไปมากเหมือนกัน
“อืม.. ฟังแล้วรู้สึกสงสารปนๆกับสมน้ำหน้าพี่นะ”
น้องสรุปหลังจากผมอธิบายจบ
เมื่อสัปดาห์ก่อน ผมตัดสินใจทดลองทำหนึ่งอย่างครับ (แต่เชื่อว่าไม่มีใครสังเกตเห็น) นั่นคือการลดจำนวนคอนเท้นท์ในเพจลงประมาณครึ่งหนึ่ง และตั้งใจว่าจะไม่เคี่ยวกรำตัวเองมากนัก เหตุผลง่าย ๆ เนื่องจากมีงานบรรยายเกือบทุกวัน ถ้าให้ทำก็คงทำได้ แต่ถ้าไม่ทำน่าจะง่ายกับชีวิตกว่า งั้นลองเลิกทำดูละกัน ฮ่าๆ
และนั่นทำให้ผมเริ่มเรียนรู้ว่า
1. การทำงานที่ดี ต้องมีความสบายใจเป็นองค์ประกอบ
2. ถ้าเราไม่ยึดติดกับวิธีการใช้ชีวิต เราจะมีความสุขมากขึ้น
2 ข้อที่ว่านี้ คือ สิ่งที่สะท้อนให้ผมกลับมาคิดว่า ถ้ารู้สึกแย่หรือหมดไฟในตอนไหน ลองถามตัวเองว่า ตอนนี้เราสบายใจที่จะทำหรือเปล่า
ถ้าคำตอบ คือ “ไม่” ก็หยุดพักใช้เวลากับตัวเองก่อนสักนิด แล้วค่อยกลับมาทำต่อ การพักไม่ได้เรื่องเลวร้าย ถ้าสุดท้ายมันทำให้เราทำงานได้ดีขึ้น
ส่วนหลักการใช้ชีวิตของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ถ้ามันจำเป็นเราอาจต้องปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์นั้น ๆ อย่าปล่อยให้มันตึงเกินไป เพราะสุดท้ายสิ่งที่มาทำร้ายเราคือความรู้สึกที่เรามีต่อตัวเอง
ถ้าเรายืดหยุ่นให้ตัวเองได้
เราก็จะผ่อนคลายกับชีวิตมากขึ้น
ทั้งหมดนี้ ไม่ได้หมายความว่า ให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนขี้เกียจและไม่รับผิดชอบนะครับ แต่ให้หาโอกาสผ่อนปรนให้กับตัวเองบ้าง เพราะมันทำให้เรามีแรงกลับมาทำต่อ
และทุกครั้งที่กลับมาทำ
เราจะทำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“คนแบบพี่เนี่ย เขาไม่ได้เรียกหมดไฟหรอก”
น้องคนดีคนเดิมเอ่ยปากบอกผม
“เฮ้ย หมดไฟสิ กูเหนื่อยจริงๆ”
ผมตอบเขาไป
“อย่างพี่เขาเรียกว่า หมดแรงไวเพราะแก่ต่างหาก”
พูดจบมันก็หัวเราะร่วนแล้วเดินจากไป
“แสรดด”
แต่ถ้าลองมาคิด ๆ ดูแล้ว
ก็น่าจะใช่อย่างที่มันว่านี่แหละครับ ฮ่าๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ผมเชื่อว่าความสำเร็จของชีวิตไม่ใช่การพาชีวิตไปจุดสูงสุดให้เร็วที่สุด แต่มันคือการประคับประคองชีวิตของเราต่อไปได้ แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ขอให้สนุกกับชีวิตครับ

พรี่หนอม หรือ แท็กซ์-บัก-หนอม เจ้าของ บล็อกภาษีข้างถนน ผู้สนใจทำให้การทำงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่มักแอบคิดเสมอว่าชีวิตเราควรมีอะไรมากกว่าการทำงาน จึงเป็นที่มาของบทความในออฟฟิศ 0.4 กับคอลัมน์ชื่อ “สิ่งที่คนทำงานไม่เคยบอก”