60 – 30 – 10 กฎความสำเร็จของ Hybrid Work Model

15 May 2021

ตั้งแต่เกิดโควิดขึ้นมาในต้นปี 2020 มนุษย์เงินเดือนหลายคนก็ต้องทำงานกันอยู่ที่บ้านและคอนโดกันเป็นหลัก แม้จะมีบางช่วงที่ได้กลับไปทำงานที่ออฟฟิศให้ครื้นเครงละเลงใจกันไปบ้าง แต่พอมาเจอโควิดระลอก 3 แล้วโอกาสที่เราต้องทำงานยาวๆ ที่บ้านนั้นมีโอกาสสูงมาก

Hybrid Work

เมื่อสถานการณ์การทำงานเป็นแบบนี้ คำว่า Hybrid Wok จึงเกิดขึ้นและเชื่อว่าหลายคนน่าจะได้ยินกันบ่อยครั้งจากปีที่แล้ว และเชื่อว่าต่อให้โควิดเริ่มซาและหายไป Hybrid Work น่าจะเป็นโมเดลการทำงานใหม่อย่างถาวรที่หลายองค์กรสมัยใหม่เลือกใช้

แต่การจะใช้โมเดล Hybrid Work ทำงานก็ต้องอาศัยความมีระเบียบวินัยและความรับผิดชอบต่องานค่อนข้างสูง เพราะเราไม่ได้นั่งอยู่ใกล้กัน และตามงานกันได้เหมือนตอนอยู่ออฟฟิศ ที่แค่เดินไปหาที่โต๊ะก็ได้แล้ว (แต่บางคนก็บอกว่าต่อให้อยู่ที่ทำงานมันก็ไม่ส่งงานดิฉันค่ะ) ฉะนั้น การนำโมเดลแบบนี้มาทำงาน จึงต้องอาศัยปัจจัยในการควบคุมความสำเร็จของโมเดลการทำงานแบบนี้ด้วย ซึ่งกฎของการใช้ Hybrid Work ให้เวิร์กนั่นคือกฎ 60 – 30 – 10

60 – 30 – 10 Rule

เจ้ากฎ 60 – 30 – 10 นี้เกิดขึ้นจากนักวิจัยที่ชื่อ Ruth Wageman และ Richard Hackman ศาสตราจาร์ยจาก Harvard โดยทั้งคู่ได้อธิบายถึงการใช้โมเดลนี้สำหรับ Hybrid Work ว่าเอาไว้สำหรับการระบุคุณภาพในการทำงานของทีมเป็นหลักโดยเฉพาะ และเป็นกฎที่เหมาะสำหรับคนที่เป็นหัวหน้าของทีมที่ควรนำไปใช้ ซึ่งจะแบ่งเป็นโครงสร้างและรายละเอียดดังนี้

60% คือการวัดคุณภาพของการออกแบบทีม

30% คือสัดส่วนการตั้งต้นทีมที่มีคุณภาพ   

10% คือการวัดคุณภาพจากการโค้ชของผู้นำทีม

ถ้าให้มองในภาพรวมจะเห็นได้ว่าทั้ง Ruth Wageman กับ Richard Hackman ให้ความสำคัญกับโครงสร้างของทีมเป็นหลักก่อน เหมือนฉายให้เห็นภาพใหญ่แล้วค่อยๆ เจาะมาสู่ภาพย่อยอย่างการใส่คุณภาพคนที่เก่งและดีเข้าไป จนไปสู่ยอดปพีระมิดอย่างการมีหัวหน้าที่โค้ชชิ่งเก่งๆ สักคนนั่นเอง ทีนี้เราลองมาดูกันครับว่าโมเดล 60 – 30 – 10 นี้จะมีรายละเอียดในการสร้างผลลัพธ์ให้เกิดคุณภาพอย่างไรได้บ้าง

Team Design 60%

วิธีการออกแบบทีมนั้นทั้ง Ruth Wageman และ Richard Hackman อธิบายว่าให้ลองตั้งคำถามกับตัวเอง (หัวหน้า) เหล่านี้ดู

– เราจะสามารถดึงศักยภาพความเก่งเฉพาะด้านของแต่ะคนรวมถึงทักษะการทำงานเป็นทีมออกมาได้อย่างไร?

– เราจะสามารถรวบรวมสมาชิกทีมที่มีความหลากหลายทั้งทางเพศ เชื้อชาติ และ ความหลากหลายทางความคิดได้อย่างไร

– เราจะหาวิธีการไหนได้บ้างที่จะทำให้สมาชิกในทีมสามารถเข้าหากันได้และไม่ก่อให้เกิดพฤติกรรมแย่ๆ

Quality of Team Launch 30%

สำหรับข้อนี้คือสัดส่วนที่สองที่วัดจากการตั้งแต่ทีมที่จะทำงาน Hybrid Work ที่มีคุณภาพ โดยมีการระบุว่าทีมที่ทำงานด้วยนั้นต้องทำความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวในการทำงาน และกฎข้อบังคับใหม่ๆ จากการทำงานที่บ้านและออฟฟิศสลับไปสลับมา  รวมถึงการหาวิธีการสื่อสารและการปรึกษาหารือร่วมกันด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ ทุกอย่างที่ทำไปในระบบ Hybrid Work นั้นต้องอย่างลืม4 สิ่งนี้

เป้าหมาย (Goals)

วัตถุประสงค์ของการไปถึงเป้าหมาย (Objectives)

ทรัพยากรที่เราสามารถใช้และทำได้ (Resource)

ข้อจำกัดในการทำงานต่างๆ (Constrain)

Coaching 10%

ข้อสุดท้ายคือการโค้ชชิ่งซึ่งเป็นบทบาทที่หัวหน้าต้องโฟกัสอยู่ไม่น้อย แม้จะมีสัดส่วนแค่ 10% ก็ตาม โดยการทำงานแบบ Hybrid Work คือการโฟกัสที่คุณภาพและผลลัพธ์ของงานออกมา ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม ซึ่งเรื่องของวิธีการก็ขึ้นอยู่กับธรรมชาติสไตล์กับการทำงานของแต่ละทีม

Entering a new era of hybrid work 

ทั้งหมดก็คือกฎ 60 – 30 – 10 ที่จะช่วยเสริมให้การทำงานแบบ Hybrid Work มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่นี่ก็เป็นแค่ผลวิจัยกับการค้นคว้าจากการทำงานแบบตะวันตก ซึ่งเราอาจไม่สามารถนำโมเดลนี้มาสวมทำงานในบริบทแบบเราได้ 100% แต่ก็พอมีบางจุดที่สามารถนำไปประยุกต์ได้เหมือนกัน ไม่ส่าจะเป็นเรื่องการตั้งคำถามการออกแบบทีม หรือการบริหารการสื่อสารและการวัดผลการทำงานของหัวหน้าเอง ยังไงออฟฟิศ 0.4 ก็หวังว่าเนื้อหานี้จะเป็นประโยชน์และเอาใจช่วยคนทำงานทุกคนนะครับ

อย่าลืมติดตาม PODCAST ออฟฟิศ 0.4

SPOTIFY : https://spoti.fi/38KKW19

APPLE : https://apple.co/2TXdzUr

SOUNDCLOUND : http://bit.ly/OFFICE04TH-SC

YOUTUBE : http://bit.ly/OFFiCE04TH-YT

PODBEAN : https://office04th.podbean.com/

อ้างอิง: https://www.inc.com/rebecca-hinds/the-one-rule-you-need-to-follow-to-succeed-with-a-hybrid-work-model.html

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *