ระยะหลัง ออฟฟิศ 0.4 ได้ยินว่าพนักงานในองค์กรหลาย ๆ ที่ เริ่มป่วยและมีอาการซึมเศร้ากันมากขึ้น จนหลายองค์กรก็เริ่มมีสวัสดิการในการรักษาและปรึกษาจิตแพทย์กันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน นี่คือ การปรับตัวขององค์กรในยุคนี้ ที่ใส่ใจในสุขภาพของพนักงานมากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งในมุมองค์กรเองในระยะหลังก็เริ่มมีการพิจารณาเรื่องของ Mentality Health ของผู้สมัครงานกันมากขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้หากมองในมุมธุรกิจก็คือต้นทุนแฝง ที่ควรต้องศึกษาให้ละเอียด เพราะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงบรรยากาศต่อผู้ร่วมงานด้วยเช่นกัน
แต่ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ใครที่เคยป่วยหรือมีภาวะซึมเศร้าอยู่นั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น เพราะประสบการณ์ ความสามารถ และทัศนคติของผู้สมัครก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่องค์กรมองหาอยู่ เพียงแต่การเช็กเรื่องของสุขภาพจิตใจ ก็เป็นองค์ประกอบที่เพิ่มเข้ามาในยุคนี้ เพื่อเป็นการสำรวจให้รอบด้านว่า ลักษณะงานและวัฒนธรรมที่องค์กรดำเนินการอยู่นั้น จะสอดคล้องกับทักษะ ความเชื่อ และจิตใจ ต่อผู้สมัครมากน้อยแค่ไหน
เพราะ ออฟฟิศ 0.4 เองก็เคยมีประสบการณ์มาโดยตรงกับการทำงานกับคนเก่ง มีความรู้ ความสามารถ แต่สุขภาพจิตใจไม่พร้อมต่อการทำงานร่วมเท่าไหร่ แม้สุดท้ายผลลัพธ์จะลงเอยได้ดี แต่สิ่งที่ส่งผลกระทบระหว่างทาง ก็คือ กระบวนการ และบรรยากาศในการทำงานนั่นเอง
ซึ่งวิธีแก้ไขต่อการทำงานร่วมกันก็คือ การให้หัวหน้างานรับรู้เงื่อนไขบางอย่างของเพื่อนร่วมงาน เพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน และพยายามสื่อสารกันบ่อย ๆ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ก็ถือเป็นโจทย์ของหัวหน้าที่ต้องคอยบริหารคน บรรยากาศ และผลลัพธ์ของงานที่จะออกมาด้วยเช่นกัน
แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็หนีไม่พ้นเรื่องของสุขภาพทั้งกายและใจ ต่อให้คนทำงานเก่งแค่ไหน ถ้าคุมตัวเองไม่ได้จนกลายเป็น Toxic ในองค์กร จากที่คิดว่าตัวเองเป็นคนระดับท็อปก็สามารถถูกยอมรับให้เป็นอันดับท้ายจากเพื่อนร่วมงานได้เหมือนกัน
Ability ที่เหมาะสมในยุคนี้ จึงต้องมาพร้อม ๆ กับ Mentality ที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน

Podcaster : ออฟฟิศ 0.4
Writer : สิ่งที่เจ้านายไม่เคยบอก / เปิดเทอมใหญ่วัยทำงาน / เป็นคนที่ใช่ในงานที่ชอบ / นี่เงินเดือนหรือเงินทอน