ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีศาจ
.
เขียนในสมุดบันทึกแซวตัวเองแบบนี้มา 2 ปีแล้ว
และไม่คิดว่าปีศาจที่แซวนั้นจะมีอยู่กับเรานานแบบนี้
.
ปีศาจที่ว่านั้นก็คือไวรัสที่กลายพันธุ์ตลอดเวลานั่นแหละ
ที่สร้างวิถีแห่งความวุ่นวานสับสนอลหม่านมาให้เราต้องปรับตัวตลอด
.
แต่ไวรัสก็คือไวรัส เราในฐานะมนุษย์ผู้มีจิตสำนึกและความรู้สึกนึกคิด
ก็จำเป็นต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงเพื่อเอาชีวิตรอดไปให้ได้
ดังนั้นแล้วปีศาจที่น่ากลัวกว่าไวรัสก็คือมนุษย์และตัวเราเองนี่แหละครับ
.
ที่เป็นไวรัสร้ายสาดอารมณ์และความต้องการเกินความจำเป็นให้อีกฝ่ายหนึ่งมากจนเกินไป
.
จนคำธรรมดาอย่าง Empathy กลายเป็นวัคซีนเข็มสำคัญของคนทุกแวดวงการทำงานที่ควรได้รับการถูกฉีดจากผู้มีอำนาจ และผู้มีอำนาจก็ควรถูกฉีดและเรียนรู้ความสำคัญของอาการปราศจากวัคซีนเข็มนี้ด้วยเช่นกัน
.
เสียงเรียกร้องความต้องการจากคนทำงานน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของเข็มแรก
เข็มที่สองของพวกเขาคือความสุขต่อบรรยากาศในการทำงาน
และเข็มที่สามคือการสร้างทางให้เห็นการเติบโตในแบบที่ควรจะเป็น
.
น่าเสียดายที่บางครั้งเราก็ได้ไม่ครบเข็ม เพราะเราอาจคิดว่าองค์กรของเราดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงอะไร คอยดูแต่งบกำไรขาดทุนในบรรทัดสุดท้าย เงยหน้ามาอีกที บางทีที่นั่นอาจจะไม่มีเหลือคนสำคัญเลยก็ได้
.
สิ่งที่เขียนถึงอาจเป็นเพียงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสำหรับองค์กรบางแห่ง ตามเทรนด์ที่หลายสื่อเขียนถึงอย่าง The Great Resignation นั่นแหละ แต่สำหรับองค์กรไหนที่ยังคงไม่มีอาการถึงเข็มที่สองและสาม ยังมาสายเกินไปที่จะแก้ไขในการสร้างขวัญและกำลังใจกลับคืนมา เพราะเรื่องคนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่แพ้รายได้และกลยุทธ์ที่เรากำลังวางไว้อย่างสวยงามเพื่อการเติบโต แต่การเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืนจริงๆ เราปฏิเสธไม่ได้ว่า พนักงาน ก็ยังเป็นฟันเฟืองสำคัญเช่นกัน
.
ออฟฟิศ 0.4 ขออวยพรให้คนทำงานทุกคนและองค์กรทุกที่มีแต่ความสุขและความรุ่งเรือง อยู่รอดปลอดภัยจากยุคแห่งความผันผวนนี้ไปได้ด้วยดีนะครับ แล้วพบกันใหม่ปีหน้าฉบับโบ๊ะบ๊ะกันทุกเช้าเหมือนเดิม เพราะเราเชื่อว่า Work Laugh คือสิ่งที่สามารถบาลานซ์ชีวิตคนทำงานอย่างพวกเราได้ไม่มากก็น้อยครับ

Podcaster : ออฟฟิศ 0.4
Writer : สิ่งที่เจ้านายไม่เคยบอก / เปิดเทอมใหญ่วัยทำงาน / เป็นคนที่ใช่ในงานที่ชอบ / นี่เงินเดือนหรือเงินทอน